จากการรวมตัวของนักลงทุนจีนและประเทศพันธมิตรมากกว่า 4,000 คน ในการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16
ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพโดยหอการค้าไทย-จีน และคาดว่าเฉพาะการจัดงานในช่วง 4-5 วัน ในพื้นที่กรุงเทพฯ จะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 500 ล้านบาท
เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศจีน มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ที่ไทยไม่สามารถปฎิเสธได้ และยังคงต้องกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันต่อไป เพื่อประโยชน์ในระยะยาวทั้งด้านการค้าและการลงทุน
โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำว่า การประชุมในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจชาวจีน เพื่อใช้เวทีในการพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลและโอกาสทางธุรกิจ การค้า การลงทุน ซึ่งปัจจุบันจีนก้าวมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลก เป็นตลาดขนาดใหญ่ เป็นผู้ส่งออกสินค้าอันดับหนึ่งและเป็นผู้นำเข้าสินค้าอันดับสองทำให้เศรษฐกิจจีนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกและประเทศต่างๆเป็นอย่างมาก โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการส่งเสริมและเร่งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนกับจีนในหลายมิติ
สำหรับกระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งรัดขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าให้ลงลึกสู่ระดับมณฑลหรือระดับเมืองของประเทศคู่ค้า ที่เรียกว่า mini FTA ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ภายใต้รัฐบาลไทย ได้ลงนามกับประเทศคู่ค้าแล้วจำนวนทั้งสิ้น 7 ฉบับ มี 3 ฉบับลงนามกับจีน ประกอบด้วย มณฑลไห่หนาน มณฑลการซู่ และ เมืองเซินเจิ้น และภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะลงนามเพิ่มกับมณฑลยูนนาน
โดยกระทรวงพาณิชย์ไทยยังได้ทำ mini FTA อีก 4 ฉบับ และกำลังเจรจาจัดทำ FTA กับอีกหลายประเทศ คาดว่า ประสบความสำเร็จไม่เกิน 1-2 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลทำให้ไทยมี FTA กับต่างประเทศรวม 20 ฉบับ กับ 53 ประเทศทั่วโลก เมื่อทำการค้ากับประเทศไทยจะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าและการลงทุนจาก FTA ที่ไทยทำทั้งหมดด้วย ถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศรวมถึงประเทศจีน
ด้านนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน บอกว่า จีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย โดยการลงทุนของไทยและจีนที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV เพราะมีความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยหลายกลุ่ม ซึ่งที่ผ่านมาหอการค้าไทย-จีน ได้มีการเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยชูจุดเด่น ที่ไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า โดยเสนอสิทธิพิเศษทางภาษีให้กับภาคเอกชน คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า รถยนต์EVจะมีสัดส่วนในตลาดยานยนต์มากกว่าร้อยละ 50
และเมื่อถามว่า การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะทำให้นักลงทุนเป็นกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศหรือไม่นั้น เบื้องต้นได้มีการหารือและสร้างความเข้าใจ ว่าไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้ามาลงทุน พร้อมขอให้คนไทยเปลี่ยนมุมมอง โดยเฉพาะเรื่องการประกอบธุรกิจของนักลงทุนจากจีน โดยไม่อยากให้มองแค่คนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยเป็นทุนจีนสีเทา แต่อยากให้มองถึงเรื่องการพัฒนาศักยภาพการค้าการลงทุนระหว่างประเทศมากกว่า
ปฎิเสธไม่ได้ว่าจีนยังคงสำคัญกับไทยในทุกด้าน จึงจำเป็นที่ภาคธุรกิจจะต้องจับมือกันให้แน่น ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนมือก็ตาม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews