ข้ามขั้นความอึมครึมของการจัดตั้งรัฐบาลที่ต้องผ่านกระบวนการทางการเมืองอีกหลายยก ย้ายไปยังฝั่งเศรษฐกิจ นี่ก็อึมครึมไม่ต่างกัน
ภาคธุรกิจเอกชนอยากเห็นโฉมหน้าค่าตาของรัฐมนตรีเศรษฐกิจ แต่จนถึงตอนนี้ การจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลก็ยังไม่แล้วเสร็จ มีความเสี่ยงสูงที่การจัดตั้งรัฐบาลจะล่าช้า ลากยาวออกไป และถึงแม้จะมีการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น มีความเป็นห่วงหากมีการเมืองลงถนน คราวนี้คงไม่ต้องสืบเศรษฐกิจพังแน่
โดยนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. บอกว่า นักลงทุนต้องการเห็นความชัดเจนของรัฐบาลใหม่ ที่สามารถจัดตั้งได้ในระยะเวลาที่ควรจะเป็น หรือภายในเดือนสิงหาคม เพื่อให้มีเวลาเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ให้เกิดสูญญากาศทางเศรษฐกิจ แต่หากทำไม่ได้ตามเงื่อนเวลา เศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะโตได้ ร้อยละ 3.0-3.5 อาจโตเหลือเพียงร้อยละ 2.0-2.5 หรืออาจโตต่ำกว่านั้น เพราะเศรษฐกิจยังเผชิญกับความท้าทายอีกหลายด้าน จำเป็นต้องได้รัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเข้ามาขับเคลื่อนตัดสินใจ
โดยการส่งออกในปีนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. คาดว่า จะอยู่ในกรอบที่ติดลบร้อยละ 1-0 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความเปราะบางสูง ทั้งจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ และการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.5 ของธนาคารกลางสหรัฐ มีผลกับกำลังซื้อของประชาชน และเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า ล้วนเป็นปัจจัยจัยที่มีผลต่อการส่งออกไทย
ด้านนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท.เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า สรท.ยังมองการส่งออกปีนี้ ไม่เลวร้ายนัก อาจเสมอตัว หรือขยายตัวได้ร้อยละ 1 ท่ามกลางปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ยังรุมเร้า
แต่จากการทำงานที่ใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชนก่อนหน้านี้ ทำให้มีแผน เตรียมรับมือการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังแล้ว โดยการขับเคลื่อนของข้าราชการประจำ ประกอบกับความต้องการสินค้าไทยโดยเฉพาะอาหาร มองว่ายังเป็นสินค้าหลักสำหรับการส่งออก ที่ประเทศคู่ค้ายังคงมีการนำเข้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อความมั่นคงทางอาหาร หลายประเทศต้องแย่งกันนำเข้า เพราะสถานการณ์ภัยแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญจะเริ่มมีความชัดเจนและทวีความรุนแรงขึ้น อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าในอนาคต
แต่หากการเมืองยังคงไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ลากยาวออกไป และมองไม่เห็นความชัดเจนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนการทำงานหลังจากนี้ อาจมีผลต่อการส่งออกปีหน้า เพราะขาดผู้นำในการสานต่อนโยบาย รวมทั้งการเปิดตลาดใหม่ และการเจรจาการค้า ที่ต้องมีผู้นำในการตัดสินใจ หากทุกอย่างล่าช้าออกไปย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการค้าและการส่งออกของไทยอย่างแน่นอน ที่สุดแล้วเศรษฐกิจของประเทศไม่ว่าภาคเอกชนจะพยายามอย่างไร ก็อาจไม่สามารถรับมือได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews