หลังเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 “ประชาธิปัตย์” พรรคการเมืองที่ยั่งยืนเกือบ 80 ปี มีหัวหน้าพรรคถึง 4 คน ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในด้านลบของพรรค ได้ ส.ส.เข้าสภาเพียง 25 คน น้อยที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งพรรค เมื่อ พ.ศ.2489 จน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ต้องลาออกหัวหน้าพรรค แสดงความรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้
นำมาซึ่งกระแสเรียกร้องต้องปฏิรูป ต้องฟื้นฟูพรรคเป็นการเร่งด่วน เพื่อกลับมายืนแถวหน้าอีกครั้ง โดยมีกำหนดเลือกหัวหน้า และกรรมการบริหารชุดใหม่ในวันพรุ่งนี้ 9 ก.ค.ท่ามกลางข่าวลือข่าวปล่อย ดิสเครดิตกันเองของตัวละครที่จะมาชิงตำแหน่ง จนอาจเรียกได้ว่า ค่ายสีฟ้า ไร้ซึ่งเอกภาพอย่างชัดเจน และอาจเกิดปรากฏการณ์วงล้อสำคัญที่อาจซ้ำรอยกลุ่ม “10 มกรา” อีกครั้งเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ทำให้พรรคอ่อนแอลงจนถึงขีดสุด เพราะมีสมาชิกเกือบครึ่งร้อย ย้ายพรรคออกไป
ซึ่งหลายคนก็กลายมาเป็นแกนนำคนสำคัญอยู่ในฝ่ายตรงข้ามทุกวันนี้ อาทิ “วีระ มุสิกพงศ์หรือ “วีระกานต์”, จาตุรนต์ ฉายแสง, สุชาติ ตันเจริญ เป็นต้น การเลือกผู้นำคนใหม่ครั้งนี้ จึงอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นอย่างแท้จริง ของการฟื้นคืนชีพ “ค่ายสีฟ้า” จากที่ล้มเหลว ต่อเนื่องในเลือกตั้ง 62 เหลือ ส.ส. 53 คน และย่อยยับหนักในเลือกตั้ง 66 ที่เหลือ ส.ส.เพียงแค่ 25 คน จากพรรคขนาดใหญ่ กลายเป็นพรรคขนาดย่อมไปทันที แม้แต่ปักษ์ใต้ฐานเสียงสำคัญก็แทบสูญพันธ์
ผู้นำคนใหม่ของประชาธิปัตย์ จะเป็นใคร ในสถานการณ์การเมืองแบบนี้ “อลงกรณ์ พลบุตร” อดีต ส.ส.หลายสมัย และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประกาศตัวเป็นทางการคนแรกว่าจะชิงตำแหน่ง ในครั้งนี้ แต่ก็น่าสังสัย “อลงกรณ์” ซึ่งเคยลงชิงชัยมาแล้วหลายครั้ง ก็ไม่เคยถึงฝั่งฝันเลย
แม้จะมีแนวทาง แนวนโยบายที่ชูการปฏิรูปพรรคมาหลายปีแล้ว จะใช่คำตอบหรือไม่ ส่วนคนอื่นๆ “เดชอิศม์ ขาวทอง” ส.ส. 2 สมัยจากสงขลา ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่น กับ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รักษาการเลขาธิการพรรคที่ต้องรักษาสัญญาวางมือการเมือง เพราะได้ส.ส.ไม่ถึงเป้า ก็ยังไม่เคยพูดอย่างเป็นทางการว่าจะลงชิงชัย แต่แค่มีชื่อสมาชิกบางส่วนก็ร้องยี้แล้ว
เช่นเดียวกับ “ดร.เอ้-สุชัชชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” คนรุ่นใหม่ ที่มาช่วยพรรคเมื่อครั้งเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และต่อเนื่องมาถึงเลือกตั้ง 66 ก็แบ่งรับแบ่งสู้ ว่ามีผู้ใหญ่ทาบทาม แต่ยังไม่ตอบตกลง รวมถึงชื่อของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตผู้นำพรรค ผู้เพียบพร้อมในทุกด้าน ที่ยึดมั่นรักษาจุดยืน รักษาเกียรติภูมิของตนเองและของพรรคเอาไว้เมื่อ 4 ปีก่อน ตามคำขวัญ “สจฺจํ เว อมตา วาจา” (อ่านว่า สัจ-จัง-เว-อะ-มะ-ตา-วา-จา) ก็ยังไม่เคยพูดออกจากปากเช่นกัน ว่าจะเสนอตัวชิงชัย หรือใครจะเสนอชื่อต่อที่ประชุม มีแต่เสียงเชียร์ของแฟนคลับเท่านัน ที่เรียกร้องให้กลับมา
ซึ่งไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้ว จะมีตัวเลือกกี่คนสำหรับการเป็นผู้นำเพื่อเข้ามากอบกู้พรรค และผู้ชี้ขาดคือโหวตเตอร์ ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง ประมาณ 370 คน จากกลุ่มต่าง ๆ ตามข้อบังคับพรรคกำหนด โดยให้น้ำหนักกับกลุ่ม ส.ส.ปัจจุบัน มากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มอื่น ๆ เพียง 30 เปอร์เซ็นต์ จะเลือกใคร เป็นหัวหน้าคนใหม่ และผู้นำคนใหม่ จะสร้างเอกภาพให้กับพรรค เดินหน้ากอบกู้ฟื้นฟู ประชาธิปัตย์ให้กลับไปเป็นพรรคหัวแถวอีกครั้ง ในยุคที่ส้มกำลังครองเมือง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews