ผ่านช่วงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่1ไปแล้ว ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังไม่ผ่านด่าน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
ถือได้ว่าเวลานี้การเมืองยังไม่ปลดล็อค มีโอกาสพลิกผันเปลี่ยนเกม และต้องรอลุ้นอีกระลอก ว่าประเทศไทยจะได้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ทันเวลาหรือไม่
โดยนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ บอกว่า สถานการณ์ทางการเมืองเวลานี้ อาจจะเร็วไปที่จะวิเคราะห์ ว่าจะออกไปในทิศทางใด แต่ในเบื้องต้น เศรษฐกิจไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งทางศูนย์พยากรณ์ คาดว่าในปีนี้ เศรษฐกิจจะยังสามารถโตได้ ร้อยละ 3.6
เพราะเชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะยังทำได้ตามกรอบระยะเวลาภายในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ เศรษฐกิจไทยจึงยังไม่เสียโอกาสมากนัก เพราะการขับเคลื่อนงบประมาณจะสามารถทำได้ทันในช่วงไตรมาสที่ 1 ปีหน้า และในเวลานี้รัฐบาลรักษาการก็ยังคงทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนงบประมาณที่ผูกพันไปก่อนได้ และหากมีรัฐบาลชุดใหม่ที่มีความชัดเจนแล้ว การตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน จะเป็นแรงส่งที่ดี ประกอบกับการท่องเที่ยว จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ
โดยมองว่า ความเห็นต่างทางการเมืองเวลานี้ หากไม่ใช่การประท้วงรุนแรง สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จะไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากต่างประเทศมีความเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองของไทยและยอมรับได้มากขึ้น หากการชุมนุมอยู่ในพื้นที่จำกัดและเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย
ช่วงเวลานี้เอาแค่ประคองตัว เพราะการท่องเที่ยวถือว่าช่วยได้มาก ดูได้จากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งสะท้อนผลการเลือกตั้งแล้ว พบว่า ดัชนีมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 13 และเป็นดัชนีที่สูงสุดในรอบ 40 เดือนด้วย โดยปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.7 เพราะผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจ เริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้นแล้ว ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวลดลงทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายในเรื่องค่าครองชีพลงบ้าง
ด้านนายนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บอกว่า ยังมั่นใจว่าการเมืองไทยยังสามารถเดินหน้าไปตามระบอบประชาธิปไตยได้ แม้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งแรกจะยังไม่ผ่าน แต่เชื่อว่าจะมีการเจรจาพูดคุยเพื่อหาแนวทางร่วมกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และการชุมนุมทางการเมือง ถือเป็นสิทธิในการแสดงออกของประชาชนภายใต้กฎหมาย ยังสามารถทำได้และอยู่บนพื้นฐานของความเรียบร้อย จะไม่กระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ ที่คาดว่าสามารถเติบโตได้ร้อยละ 3.0 – 3.5 ในปีนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews