นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ และนายสุรัช ติระกุล ผอ.สํานักงานควบคุมอาคาร ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงแนวทางการดำเนินการกับแอชตันคอนโด กรณีศาลมีคําสั่งเพิกถอนใบอนุญาตการก่อสร้าง
นายวิศณุ กล่าวว่า โครงการแอชตัน แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ เรื่องการยื่นแจ้งเพื่อขอการก่อสร้าง โดยบริษัทอนันดาเจ้าของโครงการแอชตัน ยื่นครั้งแรกเมื่อปี 58 ซึ่ง กทม. ก็มีหนังสือทักท้วงไป และมีการยื่นต่อมาอีกรวม 3 ครั้ง ซึ่ง กทม. ก็มีหนังสือทักท้วงไปตลอด จนกระทั่งมีการฟ้องเป็นคดีกันในปี 58 และหลังก่อสร้างเสร็จก็จะต้องมีการยื่นขอเปิดอาคาร
ซึ่งทางบริษัทฯก็ได้ทําการยื่นขอมาในเมื่อปี 60 ซึ่ง กทม. ก็ทักท้วงไปเนื่องจากยังมีคดีเรื่องทางเข้าออกที่ไม่ได้ตามที่กฎหมายกําหนดอยู่ โดยแอชตันก็ได้ยื่นอุทธรณ์ไปที่กรรมการควบคุมอาคาร จนกรรมการอุทธรณ์ พิจารณาเห็นว่า กทม. ควรออกใบอนุญาตให้ ซึ่งทางสํานักการโยธา จึงออกใบอนุญาตให้แบบมีเงื่อนไข
ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 41 ระบุชัดถึงเจตนารมณ์ว่า สามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ โดยให้ระยะเวลา 30 วัน ซึ่งทาง กทม. จะต้องเชิญทางบริษัทอนันดา เจ้าของโครงการแอชตันและผู้เกี่ยวข้องมาร่วมหารือว่าสามารถปรับปรุงและแก้ไข้ตามที่กฎหมายกําหนดได้หรือไม่
หากไม่ได้ทาง กทม. อาจจะขยายระยะเวลาให้ได้ตามเหตุอันสมควร และขอยืนยันว่า กทม. ไม่ได้เอื้อประโยชน์แก้ผู้ใดทั้งสิ้น แต่คําพิพากษาของศาลตัดสินให้เพิกถอนใบอนุญาต ไม่ใช่การรื้อถอน ดั้งนั้น กทม. จึงต้องให้โอกาสในการยื่นขอใบอนุญาตใหม่ เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย โดยหลังจากนี้จะต้องนํากรณีดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในอนาคตรอบสถานีรถไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซํ้ารอยแบบนี้ขึ้นอีก
ขณะที่เวลาต่อมาตัวแทนนิติบุคคล แอชตัน อโศก พร้อมด้วยทนายความและตัวแทนลูกบ้าน ร่วมกันแถลงข่าว ปัญหาทางเข้าทางเข้า-ออก และแนวทางการดําเนินการหลังจากนี้ โดยนายพิสุทธิ์ รักวงษ์ ตัวแทนนิติบุคคล กล่าวว่า สิ่งที่ลูกบ้านทุกคนต้องการคือ การแสดงความจริงใจของบริษัทอนันดา ในฐานะผู้ประกอบการ ซึ่งลูกบ้านทุกคนต้องการความชัดเจนและการรับผิดชอบ กรณีที่สุดท้ายบริษัทฯไม่สามารถหาทางเข้า-ออกได้ จนถูกสั่งรื้อถอนอาคาร
นายพิสุทธิ์ กล่าวต่ออีกว่า ตนในฐานะตัวแทนของลูกบ้าน ขอให้บริษัทอนันดา แสดงความจริงใจและเข้าร่วมการประชุมกับตัวแทนนิติบุคคลภายใน 7 วัน เพื่อหารือละพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางและการแก้ปัญหานับตั้งแต่วันนี้ มิเช่นนั้นจะต้องดําเนินการตามกฎหมาย โดยการฟ้องร้องคดีเพ่งพร้อมเรียกร้องค่าเสียหายประมาณ 5 พันล้าน คํานวนจากมูลค่าห้องชุด ซึ่งยังไม่รวมดอกเบี้ยและค่าตกแต่ง ส่วนเรื่องการฟ้องไปยังศาลปกครองนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews