ผ่านสักที! ใครมาได้หมด
จนถึงตอนนี้เชื่อว่า หลายคนคงไม่พร้อมให้เลื่อนอีก โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจ เอกชนประสานเสียงจะเลื่อนอีกสักกี่ครั้งก็ได้ แต่ต้องอยู่ในไทม์ไลน์ ได้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายในเดือนสิงหาคมนี้
โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณาคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้พิจารณากรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และกำหนดวันนัดพิจารณาคำร้องในวันที่ 16 ส.ค. นี้ หอการค้าฯ มองว่าประเด็นดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญและประชาชนให้ความสนใจ
ซึ่งศาลต้องใช้ดุลยพิจและข้อมูลต่าง ๆ ประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ และมองว่าหากการเลือกนายกรัฐมนตรีและการจัดตั้ง ครม. ชุดใหม่ ยังอยู่ในช่วงเวลาที่เคยประเมินไว้ก็ไม่ถือว่าล่าช้าจนเกินไป
เชื่อว่าหลังจากนี้ รัฐสภาจะดำเนินการให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดต่อ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นวันที่ 17-18 ส.ค. ทำให้เราอาจจะได้ ครม.ชุดใหม่ ช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนกันยายนก่อนจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
โดยหากไทม์ไลน์ต่าง ๆ เป็นเช่นนั้น ภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลชุดใหม่คงจะต้องเร่งจัดทำงบประมาณประเทศ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อดึงกำลังซื้อและความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะตรงกับไตรมาส 4 ที่เป็นฤดูการท่องเที่ยวของไทยที่หลายฝ่ายประเมินว่าจะเป็นจุดฟื้นของเศรษฐกิจในปีนี้
สำหรับประเด็นที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้ยุติการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยจะ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองซึ่งอยู่ในระหว่างรวบรวมเสียงโหวตนายกรัฐมนตรีในรัฐสภานั้น หอการค้าฯ มองว่า ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะต้องดำเนินกระบวนการตามกรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้
และหากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจนสำเร็จ ก็เชื่อว่าน่าจะสามารถเร่งดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจได้ทันที เพราะพรรคเพื่อไทยเคยมีประสบการณ์ในด้านการบริหารประเทศมาก่อนหน้านี้ และหลายนโยบายในสมัยที่เป็นรัฐบาลก็สามารถดำเนินการจนประสบความสำเร็จ ส่วนประเด็นความเห็นต่างและการชุมนุมที่เกิดขึ้นถือเป็นสิทธิของประชาชนที่จะแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย
โดยหากไม่มีการชุมชนที่ยืดเยื้อหรือสถานการณ์ที่รุนแรงก็เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตได้ดีและเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม วันนี้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในส่วนของภาคเอกชนนั้นไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็พร้อมทำงานร่วมกัน โดยที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่องว่าสิ่งสำคัญคือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งล่าช้ายิ่งไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews