Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

ดองโหวตนายกฯ ลงทุนชะงักเศรษฐกิจทรุด

จับสัญญาณเศรษฐกิจไทยในห้วงจังหวะเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ออกไปเป็นช่วงปลายเดือนสิงหาคม ช้ากว่าไทม์ไลน์เดิม ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยการเมืองที่ยืดเยื้อแบบนี้ และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ล่าช้า ย่อมไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศและความมั่นใจของนักลงทุนที่จะมีต่อการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาถัดไป

 

 

 

ทั้งนี้เมื่อย้อนอดีตไปต้นเดือนสิงหาคม 2566 การเมืองไทยเจอ 3 ประกาศเลื่อนสะเทือนเศรษฐกิจ นั่นคือ 1) ศาลรัฐธรรมนูญประกาศเลื่อนวันพิจารณาคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีเสนอชื่อนาย พิธา ว่าถือเป็นญัตติซ้ำ และขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยจะนำไปวินิจฉัยอีกครั้งในวันที่ 16 สิงหาคมนี้

 

 

2) ประธานสภา “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประกาศเลื่อนการประชุมเลือกนายกออกไปจนกว่าจะมีผลพิจารณาจากศาลรัฐธรรมนูญ และ 3) พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ประกาศเลื่อนเปิดตัวขั้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป ระบุว่า นี่คือปัจจัยทำให้ภาพเศรษฐกิจไทยกลับมาเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมืองอีกครั้ง และยังกดดันภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย พร้อมเน้นย้ำจับตาความเคลื่อนไหวของขั้วตรงข้ามว่าจะมีการชุมนุมที่รุนแรงหรือไม่

 

 

เช่นเดียวกับ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า ระบุว่า การเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไปมาก คาดจะไม่ทันปีงบประมาณปี 2567 ในเดือน ต.ค. และส่งผลให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนล่าช้าออกไป รวมทั้งยังส่งผลให้ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีหน้ามีโอกาสปรับลดลงได้

 

สอดรับกับมุมมอง “ดร.สมชัย จิตสุชน” ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ความล่าช้าของงบประมาณปี 2567 ส่งผลต่อการลงทุน

 

 

 

“ตัวงบประมาณปีหน้า ซึ่งปกติจะเริ่มใช้เดือนตุลาคมอาจจะมีสิทธิลากยาวไปถึง 6 เดือน แรกๆก็คาดกันว่า 3 เดือนก็จะเริ่มมกราน่าจะได้ ตอนนี้น่าจะต้องเริ่มนู่นเลยแหละ มีนาคมปีหน้าซึ่งตรงนี้งบที่มันล่าช้าก็แยกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่เป็นงบประจำไม่น่าจะมีปัญหา เพราะว่ากฏหมายเบิกจ่ายได้ แต่ว่าส่วนเป็นงบลงทุนน่าจะมีปัญหา เพราะว่าต้องมีการประชุมครม.มีการอนุมัตินู้นนี้อะไรต่างๆแล้วถึงจะเดินหน้าได้ เพราะฉะนั้นตอนนั้นเนี่ยต้องรอรัฐบาลใหม่ เพราะฉะนั้นก็จะทำให้ล่าช้าไป”

 

 

และเมื่อการลงทุนการของภาครัฐชะลอจากงบประมาณปี 2567 ล่าช้า “ดร.สมชัย” กล่าวว่า ก็ทำให้การลงทุนของภาคเอกชนชะลอตามไปด้วย “ตอนนี้มันมีผลสืบเนื่องเป็นเรื่องของการลงทุนของเอกชนด้วย การลงทุนของเอกชนบางรายเนี่ย เค้าจะดูท่าทีการลงทุนของภาครัฐก่อนว่าไปในทิศทางไหน เค้าถึงจะคิดแผนลงทุนของเขา เพราะฉะนั้นตรงนี้เนี่ยก็ทำให้การลงทุนชะลอไปด้วย แล้วก็มันจะมีการลงทุนอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นนักลงทุนไทยหรือนักลงทุนต่างประเทศก็จะมองในเรื่องของแนวนโยบายด้วยนะว่าถ้ารัฐบาลใหม่เป็นแบบไหน ควรจะเปลี่ยนทิศทางการลงทุนไหม อันนั้นก็จะเกิดการชะลอ หรือว่าเกิดการรอดู ตรงนี้จะทำให้มีปัญหาเยอะอยู่”

 

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด เพราะทุกความเคลื่อนไหว ย่อมส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ขับเคลื่อนด้วยงบประมาณการลงทุนของภาครัฐนั่นเอง

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube