Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

“ลุง” ผนึก “เพื่อไทย” โหวตฉลุย ต่อรองเก้าอี้ครม.

จับสัญญาณการเมืองไทยในห้วงจังหวังของการจัดตั้งรัฐบาล หลัง “เพื่อไทย” ประกาศว่าได้พรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเติม คือ “พลังประชารัฐ” และ “รวมไทยสร้างชาติ” จึงทำให้เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลล่าสุดอยู่ที่ 315 เสียง ซึ่งต้องหาเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกอีก 61 เสียง จึงจะสามารถผ่านการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทยได้

 

 

 

ซึ่งฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า กรณีที่พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ส่งสัญญาณสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้แกนนำ คือ พรรคเพื่อไทย ทำให้การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น มีโอกาสสำเร็จสูง

 

 

พร้อมมองว่า ช่วงครึ่งหลังของเดือน สิงหาคม หากมีการโหวตได้นายกฯ คนใหม่ได้เร็ว ก่อน 22 สิงหาคม 2566 ในวันถัดมา 23 – 25 สิงหาคม 2566 จะมีการจัดงาน Thailand Focus พอดี น่าจะได้รับความสนใจ และเป็นแรงจูงใจในการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างมากขึ้น หนุนให้ Fund Flow มีโอกาสไหลกลับเข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไปได้

 

 

แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น การเมืองย่อมมีความไม่แน่นอน โดยนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน บอกว่าต้องเผื่อใจกับการตั้งรัฐบาลที่อาจล่าช้าถึงกันยายน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายงบประมาณในช่วงปลายปี และหน้าตาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อาจไม่ได้มีเอกภาพจากการต่อรองทางการเมือง

 

 

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ได้พูดคุยกับ “นายไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ถึงการขยับขับเคลื่อนพรรค 2 ลุง คือ “พลังประชารัฐ” และ “รวมไทยสร้างชาติ” ในการเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล “เพื่อไทย” โดย “นายไพบูลย์” บอกว่า ทุกคนต้องยอมรับ เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการที่มีพรรค 2 ลุงเข้ามาช่วยเพื่อไทยในเรื่องเสถียรภาพรัฐบาล ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ณ เวลานี้

 

 

สอดรับกับมุมมมองนักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ “นายพรายพล คุ้มทรัพย์” ที่ในอดีตนั้น เขาคือหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ซึ่ง”นายพรายพล” บอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยและการสลายขั้วทางการเมือง ย่อมทำให้รัฐบาลมีความแข็งแกร่ง เพราะไม่มีทางเลือก ซึ่งก็ต้องยอมรับในจุดนี้

 

 

จากนี้ต่อไปจะต้องติดตามการโหวตนายกรัฐมนตรีเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ งบประมาณปี 2567 ก็จะคืบหน้าในการผลักดันเศรษฐกิจ ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ประกาศพร้อมลุยมาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพิ่มเติม

 

 

ประกอบด้วย 1.) เงินดิจิตอล 10,000 บาท 2.) พักหนี้เกษตรกร และ SMEs ที่โดนผลกระทบจากโควิด 3.) ลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ซึ่งนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) คาดว่าน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นเพิ่มเติมต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยได้อย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube