รัฐบาลเพื่อไทย สลายขั้ว ลืมอดีตจริงหรือ?
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เพื่อไทย สามารถรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรได้ 314 เสียง จาก 11 พรรค เสนอชื่อ “เศรษฐบา ทวีสิน” เป็นนายกฯ
โดยที่อีก 3 พรรคเล็ก “ประชาธิปไตยใหม่ที่คอยตามติดพลังประชารัฐ มาตลอด พรรคใหม่ และครูไทยเพื่อสังคม ก็แสดงจุดยืนพร้อมสนับสนุน รวมเป็น 317 เสียง เรียก “รัฐบาลพิเศษ” สลายสีเสื้อทางการเมือง ก็อดคิดถึงวลี “แก้ไข ไม่แก้แค้น”ของรัฐบาล”ยิ่งลักษณ์” เพราะฝ่ายค้านครั้งนี้คือ ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย-เป็นธรรม ซึ่วเป็นพรรคที่ถูกเพื่อไทยหักหลังทอดทิ้ง และประชาธิปัตย์ โจทย์เก่า หนึ่งเดียวจากรัฐบาลเดิม เมื่อเปรียบเทียบโฉมหน้าของรัฐบาลแล้วไม่น่าจะต่างจากยุค”ลุงตู่”สักเท่าใดนัก เพราะสลับกันแค่ เพื่อไทย กับ ประชาธิปัตย์ เท่านั้น
แม้เพื่อไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีมากหน่อย แต่ตัวละครก็ยังเหมือนเดิม ล้วนเป็นพวกที่ย้ายกลับจากการเป็นนั่งร้านเมื่อครั้งก่อน”สมศักดิ์-สุริยะ-สุชาติ” ส่วนกลุ่มนกหวีด ก่อนทหารยึดอำนาจ เมื่อปี 57 ที่ออกจากประชาธิปัตย์ ก็ได้เสวยสุขต่อไปในสีเสื้อรวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐบางส่วน จะว่าไปแล้วก็จริงอย่างที่หลายคนพยายามบอกรัฐบาลข้ามขั้ว สลายความขัดแย้งสีเสื้อ เพื่อไทยสามารถลืมอดีตไปส่วนหนึ่งได้จริง คือความบาดหมางกับแกนนำภูมิใจไทย ที่มีวลีเด็ด “มันจบแล้วครับนาย”
สามารถกลืนเลือด ร่วมดื่มไวน์ กับคนที่เคยไล่รัฐบาล”ยิ่งลักษณ์” คือกลุ่มนกหวีด กปปส.สามารถหวานชื่นกับผู้นำทางทหาร ที่เคยสลายม็อบแดงปี 53 ทั้ง “บิ๊กป้อม” ที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหมเวลานั้น “บิ๊กตู่” ที่เป็นเสนาธิการทหารบก ผู้นำปฏิบัติการ แถมยังเป็นผู้ยึดอำนาจปี 57แต่โยนตราบาปให้กับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ให้กับประชาธิปัตย์ โดยอ้างแค่ว่าบาดแผลครั้งนั้นมันเกินจะรับได้ เพื่อรักษามวลชน แต่ในความเป็นจริง หากต้องการยุติสีเสื้อการเมือง เดินหน้าแบบลืมอดีตแล้วมาเริ่มกันใหม่ก็ต้องให้อภัยกับทุกคน และทุกพรรคจะหนีความรับผิด จะปฏิเสธว่าความวุ่นวายทางการเมือง 20 ปีที่ผ่านมา ตนเองเป็นผู้ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว หรือเป็นผู้เสียหายเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้เลย
การยุติสีเสื้อการเมือง เหลือง-แดง ที่มีมาอย่างยาวนานั้นเป็นเรื่องดี แต่ครั้งนี้เพื่อไทย มีราคาที่ต้องจ่าย ตามที่แกนนำหลายคนออกมายอมรับ และอาจจะแสนแพงกว่าที่คาดไว้ เพราะเริ่มจากการเสียความเชื่อมั่น
ความศรัทธา ของประชาชนที่เลือกเพื่อไทยมาตลอด นับตั้งแต่ไทยรักไทย จะถูกบั่นทอนลง กับการข้ามขั้วครั้งนี้ และภาพสมาชิกเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง ทยอยแสดงตัวลาออก หรือถอดเสื้อแดง เผาเสื้อแดง ก็ยิ่งมากขึ้น
และคนที่ต้องจ่ายหนัก จ่ายแพงอีกคน คือณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ที่หาเสียงไว้กับมวลชนอย่างหนักแหน่น หรือ 2 คน คือ “ชลน่าน ศรีแก้ว” ที่จะต้องรักษาคำพูด รักษาคำมั่นสัญญาที่เคยประกาศเอาไว้ เหมือนที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
แสดงให้เห็นเป็นบรรทัดฐานเมื่อ 4 ปีก่อน ดังนั้นหากต้องการจะมียืนต่อไปในสังคม หลังโลกโซเชียลออกมาทวงถาม ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ แต่จะสง่างาม และมั่นคงได้แค่ไหน คงต้องรอให้เวล่เป็นเครื่องพิสูจน์
นั่นคือเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้ง ว่าจะได้รับการอภัยหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีแกนนำอีกหลายคน ที่จะต้องแบกรับคำว่าตระบัตสัตย์ เสียสัตย์ ไปอีกนาน กับการตัดสินใจพลิกลิ้น ข้ามขั้ว
เพื่อการมีอำนาจในครั้งนี้ ซึ่งหากทำสำเร็จไม่มีความขัดแย้งอีก ก็คุ้มค่ากับราคาแพงที่แกนนำ และพรรคได้จ่ายไป แต่หากไม่สำเร็จ ไม่สามารถสร้างผลงานที่ดี ไม่สามารถยุติความขัดแย้งได้ ก็จะเป็นตราบาป
จะเป็นหลุมดำทางการเมืองต่อไปอย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews