“เศรษฐา ทวีสิน” ประมุขฝ่ายบริหารคนที่30ของประเทศไทย และเป็นมหาเศรษฐีคนที่3ที่กลายเป็นผู้นำประเทศ ต่อจาก”บรรหาร ศิลปอาชา”และ “ทักษิณ ชินวัตร “
ซึ่งเสี่ยนิดหรือ”เศรษฐา”นั้นวางรากฐานด้านการศึกษาให้กับทายาททั้ง 3รายอย่างดีมาก ลูกทุกคนเรียนจบจากเมืองนอกทุกคน ทุกคนมีหน้าที่การงานทำเป็นอย่างดี ซึ่งลูกชาย 2คนอาจจะโลว์โปรไฟล์ แต่โฟกัสจับจ้องที่ลูกสาวคนเล็กเพราะได้รับโอนหุ้นจากพ่อมูลค่านับพันล้านบาท
ลูกชายคนแรกคือ “น้อบ -ณภัทร ทวีสิน ” สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวิชาปรัชญา เศรษฐศาสตร์และการเมือง จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง Oxford University และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ ที่โรงเรียนธุรกิจแห่งแรกในอเมริกา Harvard Business School ปัจจุบันทำงานที่ Bain & Company ในกรุงลอนดอน ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง “เศรษฐา” เคยพาลูกขายคนโตลงพื้นที่ช่วยหาเสียงด้วย ที่ตลาดโต้รุ่งเมืองกาญจน์ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี อีกด้วย
ส่วน “แน้บ-วรัตม์ ทวีสิน” ลูกคนกลาง ปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จาก Stanford University ปริญญาโทด้านนโยบายสาธารณะที่สถาบันเดียวกัน ปัจจุบันทำงานที่ The Raine Group เพิ่งแต่งงานกับแฟนสาว ที่ สหรัฐอเมริกา และในช่วงหาเสียง เกิดดราม่าโจมตีว่า ลูกชาย 2 คน ยังไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร โดยเศรษฐา ทวิตเตอร์แจงว่า “ลูกชายผมทั้ง 2 คน ผ่านขั้นตอนการเกณฑ์ทหารเรียบร้อย”พร้อมแนบเอกสารทางราชการของบุตรชายทั้ง 2 คนเผยแพร่สู่สาธารณะอีกด้วย
ขณะลูกสาวคนสุดท้องคือ “นุ้บ-ชนัญดา’ จะดังกว่าพี่ชาย2คนเพราะเธอเป็นคนที่”เศรษฐา”โอนหุ้นแสนสิริ จำนวนมากให้ โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2566 “เศรษฐา ทวีสิน” กรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองประธานกรรมการบริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด 3.3 หมื่นล้านบาท ได้โอนหุ้น SIRI
ทั้งหมดจำนวน 661,002,734 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.44% ของทุนจดทะเบียนบริษัท ให้แก่ นางสาว ชนัญดา ทวีสิน (บุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว) ซึ่งพบว่าราคาหุ้น ณเวลานั้นที่ 1.93 บาทต่อหุ้น ดังนั้น มูลค่าหุ้นของ “ชนัญดา ที่ถือครองหุ้นแสนสิริจะคิดเป็นมูลค่า 1,275 ล้านบาท และถ้าเทียบกับราคาหุ้น ณ วันที่ “เศรษฐา”ได้รับการโหวตจากรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี ราคาหุ้นแสนสิริปิด ที่ 2.02 บาทต่อหุ้น 1,335 ล้านบาท เท่ากับว่าเงินงอกขึ้นมา 60 ล้านบาทแล้ว
“นุ้บ-ชนัญดา’ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านประสาทวิทยาและพฤติกรรม จาก Barnard College ซึ่งเป็นวิทยาลัยสตรีเอกชนสังกัด Columbia University และปริญญาโทด้าน School of Social Work จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน หลังจากเรียนจบ ได้ทำงานเป็น ที่ปรึกษาด้านการศึกษา (Educational Counselor) ที่ Edusmith คอยให้คำแนะนำขั้นตอนการสมัคร และการทำประวัติเพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยดัง ประเทศสหรัฐอเมริกา
ต่อมา”ชนัญดา ” เปิดร้านกาแฟ Cafe Mikka ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ที่เธอเริ่มกระบวนการทำเองทุกขั้นตอน นอกจากนี้เธอยังมีงานร้านอาหาร Tasty Congee & Noodle Wantun Shop ซึ่งเป็นร้านดังระดับมิชลิน นอกจากนี้ยังมีร้านโจ๊กสูตรต้นตำรับ 7 ทศวรรษ และบะหมี่เกี๊ยวชื่อดังจากฮ่องกง นำเข้ามาเปิดให้บริการที่สยามพารากอน ไม่เท่านั้นเธอยังได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนซื้อแฟรนไชส์ Mikka cafe ร้านกาแฟที่มีสาขาจำนวนมากทั่วกรุงเทพฯ
“ชนัญดา “เคยเล่าถึงคำสอนของพ่อ ว่า ที่บ้านสอนให้เป็นคนอดทน มีความอ่อนน้อมถ่อมตัวเวลาทำงาน และที่สำคัญคือเรื่องความรับผิดชอบ พ่อเป็นคนที่อยากให้ลองทำทุกอย่าง พอเราได้ลอง ถ้าล้มแล้วลุกขึ้นมาเอง เราจะได้รับประสบการณ์ ได้เรียนรู้จากตรงนั้นมากกว่าที่พ่อแม่ยื่นให้เราทุกอย่าง ซึ่งเราจะไม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง..อย่างไรก็ตาม เชื่อได้ว่าต่อไปแสงสปอรต์ไลท์ย่อมจับมาที่ 2หนุ่มกับ1สาว ลูกนายกรัฐมนตรีคนที่30 ทุกย่างก้าวอย่างแน่นอน!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
