Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

เพื่อไทย-พรรคร่วม แย่งกันจัง! ก.เกษตรฯ มีอะไรดี

เมื่อถึงคราวต้องจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี หลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การแย่งชิงตำแหน่ง ต่อรองขอกระทรวงนั้น กระทรวงนี้ ก็ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง

 

 

โดยเฉพาะกระทรวงเกรดเอ งบประมาณสูงๆ ก็ยิ่งมีคนหมายปองอยากได้เช่น คมนาคม,เกษตรและสหกรณ์, คลัง, พลังงาน, ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, แรงงาน หรือแม้แต่ท่องเที่ยวและกีฬา หลายกระทรวงมีคำตอบในตัวเองว่า มีงบประมาณสูง หลายกระทรวงเป็นช่องทางทำเงินเข้าประเทศ คนนั่งบริหารก็จะมีผลงาน ไว้ตอนหาเสียงสมัยหน้า แต่กระทรวงใหญ่บิ๊กเบิ้ม อย่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เป็น เกรดเอบวกนี้

 

 

มีภาระอันกิจอันใหญ่หลวง ต้องทำงานหนัก ต้องดูแลเกษตรกร กระดูกสันหลังของชาติ ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะฝนตกฟ้าร้อง แล้งจัด หรือน้ำท่วม หรือแม้แต่ผลผลิตตกต่ำ ผลผลิตมากขายไม่ได้ราคา เจ้ากระทรวงก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งนั่นหมายความว่า โอกาสเสียคะแนนนิยม มีมากกว่าโอกาสในการสร้างคะแนนเสียง ค่อนข้างสูง แต่ทุกคั้งที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่กระทรวงที่มีตราสัญลักษณ์ เป็น”พระพิรุณทรงนาค”นี้ ก็ยังคงเป็นที่หมายปองของหลายพรรคการเมืองเหมือนเดิม

 

 

เป็นเพราะอะไรกันแน่ เชื่อว่าหลายคนก็สงสัยเหมือนกัน รอบนี้ เพื่อไทย มี”สมศักดิ์ เทพสุทิน” สนใจจับจองเก้าอี้เป็นคนแรก ตามติดมาด้วยภูมิใจไทย ก็จะเอาเหมือนกัน มีชื่อของ “สรอรรถ กลิ่นประทุม” เป็นแคนดิเดต ซึ่ง ทั้ง 2 คนนี้ เคยนั่งบริหารกระทรวงนี้มาแล้วทั้งคู่ในช่วงเวลาที่ต่อเนื่องกัน หรือแม้แต่ พลังประชารัฐ ก็ต้องการกระทรวงใหญ่นี้

 

 

โดยมีชื่อ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นตัวตึงทึ้งเก้าอี้นี้ซึ่งเมื่อย้อนไปดูนโยบายหาเสียงของ ทั้ง 3 พรรค ก็มีเรื่องของเกษตรกรเป็นจุดขาย นำโดย เพื่อไทย “พักหนี้เกษตรกร 3 ปี” ส่วนภูมิใจไทย ก็พักหนี้เหมือนกัน แต่เป็น “พักหนี้ 3ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย คนละไม่เกิน 1ล้านบาท” ส่วน พลังประชารัฐ ชูเรื่องบริหารจัดการน้ำ และที่ดินทำกิน กับสโลแกน “มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน”

 

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในชื่อกระทรวงเกษตรพานิชการ และมีวิวัฒนาการเรื่อยมาในหลายชื่อ ทั้ง กระทรวงเกษตราธิการ,กระทรวงเศรษฐการ ก่อนจะมาเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ เมื่อปี พ.ศ.2515 นับเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญลำดับต้นของประเทศ มีอายุกว่า 131 ปี มีเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เป็นเสนาบดีเจ้ากระทรวงคนแรกและ เจ้ากระทรวงเกษตรฯ ในรุ่นต่อๆ หลายคน

 

 

ก็เติบโตไปถึงขั้นเป็นนายกรัฐมนตรี ถึง 3 คน ประกอบด้วย พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ,นายบรรหาร ศิลปอาชา และ นายชวน หลีกภัย ซึ่ง นายชวนนั้น เคยนั่งกระทรวงนี้ถึง 2 สมัย และมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เมื่อครั้งสังกัดพรรคไทยรักไทย ทำสถิติเป็นเจ้ากระทรวงเกษตรฯหญิงคนแรกของประเทศด้วย นอกจากนี้ จากการสืบค้นพบว่า กระทรวงเกษตรฯ นี้ มีงบประมาณมหาศาลไม่ธรรมดา ปีงบประมาณ 2566 ที่กำลังจะหมดไปเป็นกระทรวงลำดับ 7 ที่ได้รับงบประมาณสูงสุด จำนวน 126,067.1 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 4.0 ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด เป็นรองแค่ ศึกษาธิการ มหาดไทย คลัง กลาโหม คมนาคม และสาธารณสุข เท่านั้น

 

 

ซึ่งนั่นคงเพียงพอเป็นคำตอบว่าทำไมหลายพรรคจึงแย่งกันสำหรับเก้าอี้กระทรวงนี้ ดังนั้น ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้ว “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” จากพรรคประชาธิปัตย์ จะส่งต่อเก้าอี้ให้ใคร “สมศักดิ์ เทพสุทิน ของเพื่อไทย หรือ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” จากพลังประชารัฐ เจ้ากระทรวงคนใหม่ในยุครัฐบาล “เศรษฐา 1” ก็ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่า เกษตรกร คือกระดูกสันหลังของชาติ แบกรับภาระและปัญหาเอาไว้แล้วมากมาย คนที่จะมากำกับดูแลกระทรวงนี้ ต้องเอาใจใส่ ต้องแก้ปัญหา ต้องช่วยเกษตรกรลดภาระ ลดความยากลำบากลงให้ได้ทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้เสียที อย่าให้ใครมองอาชีพเกษตรกร เป็นพลเมืองชั้น 2 หรือชั้น 3 ของประเทศอีกต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube