น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งกับโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี “เศรษฐา 1” ซึ่งว่ากันว่าตำแหน่งใหญ่ในหลายกระทรวงได้ตกผลึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่บางกระทรวงที่ยังจัดสรรไม่ลงตัว ทั้งนี้ลำดับถัดไปก็จะเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยคาดว่า จะเห็นการแถลงนโยบายต่อสภาฯ ในช่วงกลางเดือน กันยายน 2566 และเริ่มทำงานทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อโฟกัสนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ “พรรคเพื่อไทย” หลายคนคงจะนึกถึงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่ทางพรรคเอง ก็ประกาศชัดทำแน่ ทำจริง ทำแน่นอนหากเป็นรัฐบาล ซึ่งนโยบายนี้ว่ากันว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า โดยใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท และด้วยเงินงบประมาณที่มากขนาดนี้ นำมาสู่คำถามที่ว่า ประเทศไทยจะต้องกู้เงินเพิ่มอีกหรือไม่เพื่อตอบสนองนโยบายหาเสียง แล้วฐานะการคลังของไทยจะเป็นอย่างไร หนี้สาธารณะจะเกินเพดานน่าห่วงหรือไม่
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถาม “รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ถึงเรื่องดังกล่าว คำตอบที่ได้ น่าสนใจ
ขณะที่ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุถึงแหล่งที่มาของเงินทุนเพื่อดำเนินนโยบายดังกล่าว อาทิ ต้องปรับลดงบลงทุนภาครัฐ, ลดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจากภาระหนี้สาธารณะในปัจจุบัน รวมถึงปรับลดสวัสดิการที่ถูกมองว่าซ้ำซ้อน นอกจากนี้การจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างไร?
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหนึ่งแนวทางที่สามารถทำให้นโยบายดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลได้ นั่นก็คือ การกู้เงิน โดยประเทศไทยมีหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ 61.15% ข้อมูลล่าสุดเดือน มิ.ย.66 ซึ่งตามกรอบวินัยการคลัง สามารถกู้เพิ่มได้จนกว่า หนี้สาธารณะต่อ GDP จะอยู่ที่ระดับ 70%ซึ่งจะกู้เพิ่มได้อีกราว 1.58 ล้านล้านบาท บนสมมุติฐาน GDP 17.86 ล้านล้านบาท แต่โดยหลักการแล้วไม่ควรกู้จนเต็มเพดานหนี้
จากนี้ต่อไปจะต้องติดตามการขับเคลื่อนนโบายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ว่า จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เพราะทุกการขยับ ทุกการขับเคลื่อน ย่อมหมายถึงความเชื่อมั่นที่จะเกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทย และ นายกฯเศรษฐานั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews