ครม.เศรษฐาทำตามสัญญา ลดน้ำมัน-ไฟฟ้า

การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก รัฐบาลเศรษฐา1 วันนี้มีการพิจารณาอนุมัติหลายเรื่องตามที่สัญญาไว้ ไม่ว่าเป็นการลดราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า พักหนี้เกษตรกร หรือแม้แต่การแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

 

 

 

โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกในรัฐบาลเศรษฐา 1 ในวันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สวมเสื้อผ้าไหม พื้นทอเปลือกไหม จากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร นั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยได้กล่าวก่อนการประชุมว่า ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเป็นกำลังใจให้ และช่วยตอบคำถามฝ่ายค้าน ในช่วงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งการประชุมในวันนี้ได้ นายกรัฐมนตรี บอกว่า ได้พิจารณาอนุมัติในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องที่มีการสัญญาไว้กับประชาชน

 

 

โดยได้มีการลดค่าไฟฟ้า จาก 4.45 บาท เหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะกว่าที่ประชาชนได้คาดไว้ ซึ่งจะเริ่มในรอบบิลเดือนก.ย.นี้เป็นต้นไป เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดีเซล จะลดลง 2.50 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาน้ำมันต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยจะเริ่มได้ในวันที่ 20 ก.ย.นี้เป็นต้นไป

 

 

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ กล่าวว่า การลดค่าไฟฟ้า และน้ำมันดีเซลครั้งนี้ จะช่วยให้ประชาชนประหยัดได้วันละประมาณ 300 ล้านบาท ในขณะที่การพักหนี้เกษตรกร นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา โดยให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์และกลับมารายงานต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยการพักหนี้ของเกษตรกรนั้นจะต้องพักทั้งต้นและดอกเป็นเวลา 3 ปีเพื่อช่วยลดผลกระทบของเกษตรกรที่ได้รับตั้งแต่ในช่วงโควิด 19

 

 

นอกจากนี้ ในเรื่องการแก้ปัญหาความเห็นต่างของรัฐธรรมนูญ ครม.รัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่จะเป็นอย่างไรนั้น ต้องเป็นไปตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ โดยจะฟังเสียงประชาชนว่าประชามติควรถามเรื่องใด แต่หลักการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะต้องทำให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และไม่แตะต้องหมวดสถาบันฯ

 

 

ส่วนการตั้งคณะกรรมการซ้ำ จะมองเป็นการถ่วงเวลาหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่เป็นการถ่วงเวลาและยังไม่มีการตั้งกรอบเวลาที่แน่นอน

 

 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มรายได้จากภาคการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายภายในปี 2567 ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะต้องกลับมาเท่ากับในปีก่อนโควิด 19 หรือ ปี 2562 ทะลุ 40 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งในเวลานี้ การท่องเที่ยวของไทยกำลังเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นโดยในช่วงครึ่งปีแรก มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 15 ล้านคน สร้างรายได้ 1 ล้านล้านบาท และตลอดทั้งปีนี้ จะผลักดันให้มีนักท่องเที่ยวเกิน 28 ล้านคน รวมกับคนไทยเที่ยวไทย 180 ล้านคนครั้ง ต้องสร้างรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews