ผ่านศึกใหญ่เลือกตั้ง 14 พ.ค.66 มาแค่ 5 เดือน 5 พรรคการเมืองที่มี ส.ส.ในสภา และที่สำคัญญที่สุด เป็นทั้งแกนนำรัฐบาล และ แกนนำฝ่ายค้าน มีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ
แบบต่างกรรมต่างวาระ และมีนัยยะสำคัญที่แตกต่างกัน เพื่อไทย “ชลน่าน ศรีแก้ว” ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง ลาออกจากตำแหน่ง หลังตั้งรัฐบาลข้ามขั้วกับพรรค 2 ลุงสำเร็จ ก่อนจะประชุมใหญ่ไปหมาดๆได้ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร”เป็นผู้นำคนใหม่ หลังชิมลางเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย บงการเกมมาระยะหนึ่งแล้ว ราวกับกำลังส่งสัญญาณ หมดเวลาของตัวแทน ถึงเวลาของตัวจริง”ชินวัตร”นำทัพสู้ศึก พร้อมจัดทัพใหม่ เน้นคนรุ่นใหม่มาเป็นผู้บริหารพรรค เตรียมความพร้อมสำหรับการลงสนามแข่งขันกับพรรคสีส้มผู้อกหักในปีนี้ ที่ชิงเปลี่ยนหัวหน้าไปก่อน ด้วยเหตุผลเพื่อตำแหน่ง
ผู้นำฝ่ายค้าน หลัง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”ขวัญใจมหาชนถูกแขวนเพราะคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ต้องเอา”ชัยธวัช ตุลาธน” ขยับจากเลขาฯมารับตำแหน่งขัดตาทัพไว้ก่อน พร้อมประกาศชัด เมื่อ “พิธา”กลับมาก็จะคืนหน้าที่ให้ แต่จะเป็นตอนไหน เมื่อไหร่ คงยากจะพูดได้ เพราะจนถึงเวลานี้ คดีหุ้นสื่อยังไร้วี่แววนัดวันตัดสิน แต่หากวันนั้นมาถึง คงเป็นสีสันการเมืองที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อทัพส้ม มี “พิธา” เป็นผู้นำ ปะทะ”อุ๊งอิ๊ง”นำค่ายแดง ลงสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการ
อีก 3 พรรคที่มีการเปลี่ยนแปลง ชาติพัฒนากล้า “กรณ์ จาติกวณิช” ลาออกจำแหน่ง เปิดทางให้พรรคดำเนินกิจกรรมได้สะดวกขึ้น เมื่อครั้งค่ายใหญ่ สีส้ม สีแดง
พยายามรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล และได้ผู้นำใหม่ หน้าเดิม “เทวัญ ลิปตพัลลภ” กลับมารับหน้าที่อีกครั้ง ขณะที่ “ประชาชาติ” เป็นอีก 1 พรรค ที่เกิดเปลี่ยนแปลงในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา
เพราะ “วันมูหมัดนอร์ มะทา” เป็นประธานสภา ต้องวางตัวเป็นกลาง ต้องลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค จึงต้องเลือกกันใหม่ และใช้โมเดลเดียวกับ “ก้าวไกล” ที่ขยับเอาเลขาฯพรรคคือ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ขึนมาเป็นหัวหน้าแทนไปก่อน ส่วนพรรคที่ 5 ประชาธิปัตย์ เกิดการเปลี่ยนแปลงก่อนพรรคอื่นๆ เพราะ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์” ลาออกรับผิดชอบผลเลือกตั้งที่พ่ายแพ้ย่อยยับ
ตั้งแต่ กกต.ยังไม่รับรองผล แต่จนบัดนี้ ปัญหาภายในยังคาราคาซัง เลือกตั้งหัวหน้าคนใหม่ไม่ได้ พยายามจัดประชุมใหญ่ 2 ครั้ง ล่มทั้ง 2 ครั้ง กลายเป็นพรรคอกแตกอย่างแท้จริง ปีกของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ที่มี ส.ส.ส่วนใหญ่ จะเอา”นราพัฒน์ แก้วทอง” แต่อีกฝ่ายของผู้อาวุโส “ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน” ที่มีแม่ยก และกองเชียร์จำนวนมากหนุนหลัง ต้องการเข็ญ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
กลับมากอบกู้พรรค หลังตกมานาน แต่ติดขัดเรื่องข้อบังคับ สัดส่วนการลงคะแนน จึงไม่ลงตัวเสียที ต้องรอเวลาหาข้อสรุปกันอีกครั้ง แต่จากท่าทีแล้วคงไม่ใช่เร็วๆนี้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า 5 พรรค ที่มีความเปลี่ยนแปลง ล้วนมากจากเหตุผลทางการเมืองที่แตกต่างกัน 4 พรรคราบรื่น และอีก 1 ยังต้องลุ้น ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะมีนัยยะอื่น หรือสัญญาณบ่งชี้ เป็นอย่างอื่นหรือไม่ คงต้องรอติดตามกันต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews