“ป๋าชู-ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ปิดตำนานตลอดไปสำหรับหัวโขน “นักเคลื่อนไหวจอมดุดัน” หลังปรากฎภาพเดินทางไปรักษาตัวยังต่างประเทศ ซึ่งแม้เจ้าตัวจะลาจากเมืองไทยไปแล้ว แต่เรื่องราวสุดเผ็ดร้อนของบุคคลต่างๆ ที่เขาออกมาแฉ ออกมาเปิดโปงนั้นล้วนแต่เรียกเสียงฮืฮฮา และกินพื้นที่สื่อในห้วงนั้นๆ อย่างต่อเนื่อง และในบรรดาคนดังที่เคยถูก”ชูวิทย์”นั้นบางคนได้ดิบได้ดี ก้าวขึ้นตำแหน่งผู้นำประเทศ บางรายก็ยังคงได้เป็นเสนาบดีต่อเนื่องจากรัฐบาลที่แล้ว
เริ่มจากคนแรก “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ที่ช่วงก่อนที่ “เศรษฐา”จะได้เป็นนายกฯ โดนชูวิทย์ เล่นหนัก เล่นแรง ด้วยการเปิดปฏิบัติการ “แฉเพื่อชาติ”ใช้ทั้งช่องทางโซเชี่ยลผ่านเพจของตนเองและการตั้งโต๊แถลงข่าว ชำแหละ กล่าวหาเสี่ยนิด ข้อหาฉกรรจ์ ในประเด็นเลี่ยงภาษีที่ดินย่านสารสิน ต่อเนื่องมาถึงการใช้นอมินีซื้อขายที่ดินใจกลางย่านทองหล่อ รวมทั้งเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทเอกชน ในข้อหาฉกรรจ์อีกด้วย
ต่อมา “เศรษฐา”โต้กลับด้วยช่องทางทางการกฏหมาย ส่งทนายวิญญัติ ชาติมนตรีเดินหน้าฟ้อง “ชูวิทย์” หลังพบมีวาระซ่อนเร้นพร้อมเรียกค่าเสียหาย 500 ล้าน ขณะเดียวกัน”ชูวิทย์” ฟ้องกลับ “เศรษฐา” และ “ทนายวิญญัติ” 3 ข้อหา ฟ้องเท็จ หมิ่นประมาท และละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมเรียกค่าเสียหาย 90,000 บาท พร้อมยื่นสอบมรรยาททนายความทนายวิญญัติ พร้อมนำหลักฐานให้ “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ติดตามซื้อขายที่ดินย่านทองหล่อ
โจทก์หลักรายต่อมาคือ “รองต่อ-พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์” อดีตนายตำรวจนอกราชการ ที่เจอหน้ากันไม่ได้ ต้อง ชนแหลกกันทุกครั้งไป ซึ่งคนทั้งคู่เคยเกือบจะวางมวยกันเลยทีเดียว และต่อมามีการ ฟ้องร้องกันไปมา หลายคดี โดย ชูวิทย์ ฟ้อง สันธนะ ความผิดฐานแจ้งความเท็จ หมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ปมกล่าวพาดพิงโรงแรม ขณะเดียวกันล่าสุดศาลเเขวงพระนครใต้รับฟ้องคดี ‘ชูวิทย์’ดูหมิ่นซึ่งหน้า ‘สันธนะ’ ต่อหน้าสื่อมวลชนที่โรงพักทองหล่อ
รายต่อมาคือ”เสี่ยตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด”ทนายชื่อดัง คนสนิท “บิ๊กโจ๊กหวานเจี๊ยบ” ซึ่งคู่ชูวิทย์กับทนายตั้ม สังคมเคยยกให้เป็นคู่เดือดของสังคมไทยในช่วงหนึ่งเลยทีเดียว โดยชูวิทย์ และทนายตั้มเปิดศึกในประเด็น ถุงเงิน 6 ล้าน และเรื่องเดินทางแบบ VVIP ต่อมา ชูวิทย์” พร้อมทนาย บุกศาลอาญา ยื่นฟ้อง “ทนายตั้ม” 100 ล้าน ข้อหาหมิ่นประมาท และร้องต่อสภาทนายความ ให้สอบมรรยาท พฤติกรรมหลายอย่างที่เข้าข่ายผิดต่อมรรยาททนายความ
รายต่อมาคือ”เสี่ยหนู -อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ชนกับชูวิทย์หลายยก ในปมร้อนค่ายภูมิใจไทยถอน “กัญชา” ออกจากบัญชี “ยาเสพติด” อ้างเพื่อการแพทย์ ต่อมาชูวิทย์เปิดยุทธการไล่หนูออกจากกรุงเทพ ตามไปป่วนในเวทีปราศรัยของพรรคภูมิใจไทย หลายครั้ง จน “ภูมิใจไทย’ ฟ้อง ‘ชูวิทย์’ ข้อหาหมิ่นประมาท และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง แต่ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษายกฟ้อง
รายต่อมาคือ “สนธิ ลิ้มทองกุล” สื่อใหญ่ย่านบ้านพระอาทิตย์ อดีตนักเคลื่อนไหวตัวพ่อ ที่เปิดศึกกับรุ่นน้องสถาบันเดียวกันที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ประกาศตัดขาด ชูวิทย์ ต่อไปนี้เป็นศัตรูกัน โดยสนธิ ออกมาถล่มเเรื่องสวนของชูวิทย์ ที่ เจ้าตัวสนธิไปด้วยตนเอง นำเอกสารหลักฐานบุก ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบที่ดินสวนสาธารณะของชูวิทย์ ขณะที่ ชูวิทย์” ก็ประกาศเปิดศึกออกมาโต้กับ “สนธิ “อย่างไม่เกรงกลัวรุ่นพี่ รุ่นน้องกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม คนอย่าง” ชูวิทย์ “เขาไม่เคยประกาศว่าเป็นคนดีศรีสังคม แต่ในห้วงหนึ่งผู้คนจำนวนมากต่างนับถือหัวจิตหัวใจความเป็นนักสู้ของเขาที่นำข้อมูลมาตีแผ่แบบไร้ความเกรงกลัว และในวันนี้เขาทำศึกครั้งสุดท้ายกับพญามัจจุราชในนามโรคร้ายที่กำลังกัดกร่อนเขาไปในทุกขณะจิตนั้นเอง!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews