นายกฯเศรษฐา นำรัฐบาลแถลง “คิกออฟแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ” ให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีบูรณาการหลายภาคส่วนช่วยไกล่เกลี่ย ยันไม่เหมือนรัฐบาลก่อนหน้านี้ ขณะกระทรวงการคลัง เตรียมปล่อยสินเชื่อเพื่อให้ลูกหนี้ เข้ามาอยู่ในระบบ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลง วาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ” โดยระบุว่า รัฐบาลเห็นปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน ในวันนี้รัฐบาลจะเอาจริงทำให้การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติและฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่และสร้างความหวังให้กับประชาชนคนไทยทุกคน และรัฐบาลได้ประเมินหนี้นอกระบบน่าจะมีราว 50,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้เป็นการประเมินที่ค่อนข้างต่ำ แต่ในความเป็นจริงอาจจะมีมากกว่านี้ ซึ่งรัฐบาลจะได้เปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้มาไก่เกลี่ยกัน แต่ต้องคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปีและหากจ่ายดอกเบี้ยเกินกว่านั้นแล้วจะต้องมีการพูดคุยตกลงกัน
พร้อมกันนี้ จะมีการทำฐานข้อมูลกลางและนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วม และประชาชนสามารถร่วมติดตามผลได้และจะมีการสื่อสารกับประชาชนในช่องทางต่างๆ อย่างตรงไปตรงมาและต้องมีการทำงานแบบถ่วงดุลกัน
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาวันนี้ไม่ใช่แนวทางหลักที่จะทำให้หนี้นอกระบบหมดไปแต่ก็จะทำให้สังคมที่มีรายได้น้อย ไม่ต้องก่อหนี้ และเข้าถึงแหล่งเงินในระบบได้อย่างถูกต้อง และในวันที่ 8 ธันวาคม นี้ จะมีการประชุมมอบนโยบายให้กับผู้กำกับและนายอำเภอทั่วประเทศในเรื่องนี้ด้วย
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า โดยลูกหนี้นอกระบบที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดตามข้อมูลและลงทะเบียนได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเขต ทุกแห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม2566 -29 กุมภาพันธ์ 2567 และในเดือนมีนาคม ปี 67 จะรวบรวมข้อมูลลูกหนี้แยกแต่ละประเภท และเริ่มให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้ลงทะเบียนตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม ปี 67 และจะมีการประเมินผลการดำเนินการตามนโยบายในเดือนกันยายน ปี 67
นอกจากนี้ ได้กำชับให้กำนันผู้ใหญ่บ้านเฝ้าระวังสอดส่องบุคคลที่มีพฤติการณ์กระทำผิด เช่น นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบการทวงถามหนี้ โดยการข่มขู่หรือใช้ความรุนแรง และจะมีมาตรการปราบปรามหากพบกลุ่มที่มีพฤติกรรมดังกล่าวและเรียกกลับดอกเบี้ยเกินกำหนดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็วและเป็นธรรมโดยมอบหมายให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัด-อำเภอ เป็นผู้ดำเนินการ
ขณะที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดูแล โดยธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารออมสิน จะให้กู้ต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลา 5 ปี และโครงการสินเชื่ออาชีพอิสระ เพื่อรายย่อยเพื่อการส่งเสริมอาชีพเป็นอีกโครงการที่ให้กู้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อรายระยะเวลาสูงสุด 8 ปี อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามความสามารถของลูกหนี้แต่ละขั้น
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ได้มีได้เห็นชอบในหลักการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เสนอปรับฐานเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ เพื่อให้แข่งขันกับภาคเอกชน ปรับให้ทันสมัยขึ้น หลักใหญ่ๆ คือ ดูแลข้าราชการที่เข้าใหม่ โดยต้องปรับชดเชยจากกลุ่มอื่นๆ ให้เท่าเทียมกันอย่างมีแผนการ เพราะขณะนี้ยังมีช่องว่างอยู่ ระหว่างภาคเอกชนกับข้าราชการ สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับ ที่ต้องสอดคล้องกับตำแหน่ง ส่วนเพิ่มขึ้นจาก 15,000 บาทเท่าไหร่นั้น ต้องรอทาง ก.พ.ชี้แจง เพราะวันนี้เห็นชอบในหลักการและให้กรอบเวลาในการจัดทำตามแผน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
