2567 เด็กเหี้ยมครองเมือง! ลุ้นแก้กม.เพิ่มโทษเยาวชน
จากกรณี 5 เยาวชนทำร้ายป้าบัวผันจนเสียชีวิตในจ.สระแก้ว นั้น ทำให้สังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจนแฮชแท็ก #ป้าบัวผัน พุ่งติดเทรนด์Xอยู่หลายวัน ซึ่งที่ถูกจับตามากที่สุดคือพฤติกรรมเด็กที่ก่อเหตุ อย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใด นั่นอาจเป็นเพราะเด็กรู้หรือไม่ว่าทำผิดแล้วไม่โดนลงโทษหนักเพียงแค่อยู่สถานพินิจ นั่นจึงทำให้เด็กไม่สลดแถมยังหัวเราะสนุกสนาน
โดยล่าสุดในทางการเมืองก็มีความพยายามที่จะแก้ไขกฎหมายเยาวชนให้เทียบเท่าผู้ใหญ่โดยอาจจะต้องขอให้อัยการยกเคสนี้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในขณะเดียวกันหากย้อนไปเมื่อปี2566หรือในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมาจากสถิติพบว่าคดีเยาวชนก่อเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคดีเด็ก14ปี กราดยิงห้างดังกรุงเทพฯ,2 เยาวชน ด.ญ.วัย 13 และ 15 ปี ลวงเพื่อนไปกดน้ำ,เด็กม.2ขโมยเงินครู7แสนหรือแม้กระทั่งคดีเด็กเสพยา ที่ส่วนใหญ่แทบทุกเหตุการณ์เกิดความสูญเสียอย่างไม่น่าให้อภัย
โดยล่าสุดรศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์เชี่ยวชาญเด็กและวัยรุ่นและผอ.ศูนย์คุณธรรม ได้วิเคราะห์ถึงเคสป้าบัวผันผ่านรายการถกไม่เถียงเมื่อวันที่18 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา ว่าหากเปรียบเทียบเยาวชนในยุคก่อนและยุคปัจจุบันนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก เพราะสังคมเปลี่ยนไป ซึ่งหมอประเมินทั้งประเทศแล้วปรากฎว่าพลังบวกของเด็กไทยในกรุงเทพฯ ปริมณฑลอยู่ในเกณฑ์สีแดง และอยู่ในเกณฑ์สีส้มเกือบทั้งประเทศ ทั้งนี้หากประเทศใดที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีก็จะส่งเสริมให้เด็กเติบโตเป็นวัยรุ่นได้เร็วยิ่งขึ้น โดยหมอจะเข้าใจตรงกันว่า อายุ10ปีขึ้นไป ก็ถือว่าเป็นวัยรุ่นแล้ว ขณะสิ่งเร้ารอบตัวที่เอื้อและส่งผลต่อพฤติกรรมเด็กนั่นคือ บ้าน ชุมชน เพื่อนและโรงเรียน ซึ่งเมื่อไหร่ที่สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นกัลยาณมิตรที่ดี เด็กก็จะพร้อมบวกทันที รวมถึงมีพฤติกรรมก้าวร้าว เกเร เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มหมู่เพื่อน
ทั้งนี้แน่นอนว่าการที่เด็กก่อเหตุรุนแรงต่างๆนั้นล้วนมีที่มาที่ไป เพราะเด็กไม่ได้เกิดมาแล้วเป็นคนไม่ดีเสียเลย โดยอย่างในกรณีป้าบัวผันคนก่อเหตุอายุเพียง13-16ปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นวัยรุ่นตอนกลางและต้องบอกเลยว่า 5 เยาวชนคนก่อเหตุไม่สามารถได้รับการบำบัดได้อย่างง่ายดาย เพราะงานนี้มันต้องไปด้วยกันพ่อแม่ต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัดพร้อมลูกไม่ใช่มัวแต่ทำงาน นอกจากนี้คุณหมอยังได้บอกถึงพ่อแม่5ประเภทที่ส่งผลต่อลูกดังนี้
1.พ่อแม่ที่ไม่มีความรู้หรือทักษะ
2.พ่อแม่มีความรู้แต่ไม่มีทักษะ
3.พ่อแม่ที่มีทั้งความรู้ มีทักษะ แต่ขี้เกียจเลี้ยงลูก
4.พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือมีฐานะยากจน
และ5.พ่อแม่ที่ไม่สมควรเป็นพ่อแม่ ซึ่งถ้าหากวินิจฉัยแล้วพบว่าพ่อแม่เด็กอยู่ใน
ข้อที่ 5 ดังกล่าว ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ต้องกันพ่อแม่ออกจากเด็กเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะทำให้เด็กเสียคนพร้อมกันนั้นด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. ได้ยืนยันว่า 5 เยาวชนฆ่าป้าบัวผัน ต้องอยู่สถานพินิจอย่างน้อย 3 ปี จากนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
นอกจากนี้นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือที่รู้จักกันในนามครูหยุย สว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ก็ได้สนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมาย เพิ่มบทลงโทษเยาวชนก่อเหตุอุกฉกรรจ์เพื่อลดความรุนแรงในอนาคต โดยในกรณีที่เป็นคดีอุกฉกรรจ์จากเหตุการณ์ดังกล่าว ศาลจะต้องพิจารณา การกระทำความผิดตามลำดับ และขั้นตอน แต่จะให้เด็กมารับโทษ โดยขังรวมกับผู้ใหญ่คงไม่ได้แน่นอน เพราะอาจก่อให้เกิดเหตุถูกทำร้ายหรือทารุณกรรมได้ นอกจากนี้ยังคงมีอีกหลายคนที่ออกมาเห็นต่างเรื่องแก้กฎหมายเยาวชนอีกเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าฆาตรกรไม่น้อยล้วนแล้วเป็นเยาวชนที่ทำผิดแต่ไม่ได้รับโทษอย่างสาสมแถมความยุติธรรมไม่เกิด ดังนั้นก็คงต้องมาจับตาว่าเคสป้าบัวผันจะสะท้อนให้มีการแก้ไขกฎหมายเยาวชนได้แล้วหรือ ไม่หรือจะต้องให้วัวหายแล้วค่อยล้อมคอกเหมือนครั้งที่ผ่านมาที่คนมีอำนาจอยู่เหนือกว่าคนธรรมดานั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews