1ลล.กู้แล้วแจก-โปรลุงหมุนศก.
1ลล.กู้แล้วแจก-โปรลุงหมุนศก.(click ดูวิดีโอ)
การเดินหน้าดูแลผลกระทบเยียวยาประชาชนที่เผชิญกับโควิด-19 ด้วยการอัดฉีดเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท กำลังถูกจับตาอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง โดยเฉพาะความโปร่งใส่ในการใช้เงิน รวมถึงตัวเลขหนี้สาธารณะ ที่ใครหลายๆคนก็ห่วงว่า จะเพิ่มพูนทะลุเพดาน
แน่นอนว่า เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่แลกมาด้วยภาระหนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ อุ้มจีดีพีไม่ให้ทรุด ถือเป็นความหวังครั้งใหญ่ของรัฐบาล เพราะนี่คือกระจกสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจไทยในสายตาประชาชน
ซึ่งความคืบหน้าการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทนั้น นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. ได้เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า วงเงินกู้ตามพระราชกำหนดในกรอบ 1 ล้านล้านบาท เพื่อดูแลผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ล่าสุดมีการอนุมัติวงเงินโดยคณะรัฐมนตรีแล้ว 749,000 ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายในภาพรวมไปที่ 475,987 ล้านบาทจากยอดวงเงินทั้งหมดที่ได้รับการอนุมัติคิดเป็นร้อยละ 80 ส่วนยอดวงเงินรวม 1 ล้านล้านบาท ในภาพรวมมีการกู้เงินไปแล้ว 630,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 63 ของยอดวงเงินกู้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามทาง สบน. จะดำเนินการทยอยกู้เงินหากรัฐบาลอนุมัติวงเงินเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องเงินกู้ หลายฝ่ายก็เป็นห่วงถึงการใช้เงิน ซึ่งถ้าเหลือติดกระเป๋าไม่มาก เศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” บอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า เมื่อเงินกู้หมด เศรษฐกิจก็แผ่วลงแน่นอน เพราะรัฐบาลก่อหนี้โดยที่ไม่ก่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถ้าทำ ก็สามารถที่จะลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ดีต่อเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่า รัฐบาลช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายประชาชนที่ขยายไปในจำนวนที่มากเกินไป เพื่อต้องการขยายฐานเสียง ผลออกมาก็เป็นศูนย์
จากนี้ต่อไปต่อไปคงต้องจับเรื่องเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการที่ออกมาสะสมจนถึงปัจจุบัน มีการใช้เม็ดเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินไปมาก ส่งผลให้การอนุมัติวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตจะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news