น่าสนใจกับ “สัญญาณ” การกระเพื่อม ลุกลาม ที่ทำท่าจะบานปลายไปในหลายมิติในจังหวะการเมืองกำลังนัวทั้ง “รัฐบาลเศรษฐา” ที่กำลังอยู่หน้างาน 2 ปมร้อน ดิจิทัลวอลเล็ต และ “คนชั้น14ทักษิณ” ทั้ง “ฝ่ายค้าน-ก้าวไกล-พิธา” ที่กำลังนัวกับการถูกจับผิดดิสเครดิต ทั้งการตรวจสอบรัฐบาลและ การผลักดัน ร่างพรบ.นิรโทษกรรม ที่มีประเด็นผู้ทำความผิด ม.112 กับประเด็นเหตุการณ์ล่าสุดที่ถูกมองเป็นความเชื่อมโยง
ผ่านปรากฎการณ์ความเคลื่อนไหวของ “ตะวัน” น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ 2 ช็อต ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนถนนต่อขบวนเสด็จฯ (8ก.พ.) และ เหตุการณ์การทำโพล (10ก.พ.) ที่ถูกขัดขวางจากกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. ที่ไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมดังกล่าว จนเกิดเหตุปะทะกันขึ้นย่านสยาม
ที่ 2 เหตุการณ์ดังกล่าว นำมาสู่ “แรงกระเพื่อม”ของสังคม ที่นอกจากพุ่งเป้าไปที่แกนนำฝ่ายค้านอย่าง “ก้าวไกล”ยังถูกมองอาจขยายบานปลายไปถึง “ร่างพรบ.นิรโทษกรรม” ซึ่งมีประเด็นโยงการกระทำความผิดจากม.112ที่กำลังจะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีปมคำตัดสินของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ต่อ “พิธา-ก้าวไกล”ในประเด็นการหาเสียงแก้ ม.112 โดยเฉพาะฟากฝั่ง “กลุ่มอนุรักษ์นิยม” ที่มีองค์ประกอบผู้คนที่ยังคงมีบทบาทชี้นำทางการเมืองทั้งแวดวง สว.และส.ส.หรือแวดวง “นักร้อง” นักเคลื่อนไหวการเมืองที่พยายาม “ชี้เป้า” ไปสู่ประเด็น “ผู้ใหญ่ให้ท้าย”อยู่เบื้องหลัง อันโยงล้อในทิศทางเดียวกันกับการเคยเป็น “นายประกัน” ของ “พิธา” ให้กับ “ตะวัน”
ซึ่งกลายเป็นประเด็นให้ทั้งฝ่ายการเมืองทั้ง ส.ส.และ สว.รวมถึงพรรคการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยมไม่ว่าจะเป็นรวมไทยสร้างชาติ(รทสช.),ประชาธิปัตย์(ปชป.)อย่าง “ขิง-เอกนัฎ” หรือ “จุรินทร์”หรือแม้กระทั่ง “สว.สมชาย” และ “สว.วันชัย” ที่นอกจากจะเตรียมยื่นญัตติให้แก้กฎหมาย ป้องกันสถาบัน ยังออกมาปิดตาชี้นิ้ว ไปยัง “ผู้ใหญ่ให้ท้าย” พิธา-ชัยธวัช และ พรรคก้าวไกล ในท่วงทำนองที่คล้ายกัน
ที่ส่วนหนึ่งกลายเป็นแรงกดดันไปยัง “รัฐบาลเศรษฐา” ที่ไม่แต่ต้องออกมา เทคแอ๊คชั่น ประชุมด่วนกับ “บิ๊กต่อ”ผบ.ตร.เมื่อวาน(11ก.พ.) ก่อนออกมาย้ำ(12ก.พ.) “มาตรการอารักขาบุคคลสำคัญ” และกำชับไม่อยากให้มีการปะทะกันเกิดขึ้น โดยให้ผบ.ตร.ดำเนินการตามกฎหมาย แต่วิงวอนเรื่องการใช้ความรุนแรงของผู้เห็นต่างที่รัฐบาลไม่เห็นด้วยควรพูดคุยในเวทีที่ปลอดภัยไม่คุกคามฝ่ายใด ประเทศกำลังเดินหน้ามาด้วยดีความวุ่นวายเหล่านี้ไม่มีมานาน
ไม่อยากที่จะให้เป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นการที่ใช้กำลังหรือวาทกรรมอยากให้ลดลงควรใช้เวทีสาธารณะอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาหรือนักวิชาการในการพูดคุยกันในเวทีที่ปลอดภัยกว่านี้ โดยได้คุยกับผบ.ตร. ต้องระมัดระวังอย่าให้กระทบกระทั่งกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดความปลอดภัยของราชวงศ์ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อนที่ “นายกเศรษฐา” จะบอกว่า “ไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่ที่ไหนให้ท้าย เรื่องนี้มันไม่ควรมีการให้ท้ายไม่ควรมีกระบวนการอยู่เบื้องหลัง”
ที่ทิศทางประเด็นดังกล่าว ทำให้ทั้ง”พิธา-ชัยธวัช” หรือ “วิโรจน์” และผู้คนในก้าวไกลนอกจากจะออกมายืนยันว่าไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวของ “ตะวัน” และไม่ได้อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำหรือแม้กระทั่งการเคยเป็น “นายประกัน” ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็น และไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของ “ตะวัน”
ในขณะเดียวกัน ก็มีการตอบโต้กับความพยายามจากหลายฝ่าย ที่เชื่อมโยงกล่าวหามาที่ก้าวไกลอย่างที่ “โรม-ก้าวไกล” ที่ออกมาวิเคราะห์ว่า ก้าวไกลถูกปรักปรำอยู่เบื้องหลัง 2 กิจกรรมดังกล่าวของ “ตะวัน” และว่าความคิดที่ว่าฝ่ายการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เรื่องใหม่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งแต่การขึ้นในลักษณะนี้ทำให้เราแก้ปัญหาสังคม หรือแก้ปัญหาทางการเมืองไม่ได้หลายครั้งที่ก้าวไกลถูกปรักปรำแต่อะไรคือหลักฐาน
และว่า ท่ามกลางวิกฤติการเมืองที่ผ่านมาก้าวไกลอาจไปเป็น “นายประกัน” ให้ต้องแบกการเป็น “นายประกัน”ออกจากการขับเคลื่อนทางการเมือง เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ตามกฎมหายไม่ได้หมายความว่า “นายประกัน” จะต้องเห็นด้วยกับการกระทำของคนเหล่านั้นพรรคก้าวไกลไม่ได้อยู่เบื้องหลังใคร และใครก็ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรา
โดยยอมรับว่าการกระทำของ “ตะวัน”ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ คงสรุปยากว่าสังคมเห็นไปในทิศทางใด แต่การอารักขาบุคคลสำคัญต้องมีมาตรการเช่นกัน ส่วนที่มุ่งเป้ามาที่ “พิธา” ไม่ใช่ครั้งแรกขออย่าสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว อย่าสร้างปิศาจตนใหม่ เหตุการณ์ตุลาสร้างบทเรียนให้เราอย่าทำซ้ำไม่คุ้มกันควรกลับมาใช้เวทีสภาในการหาทางออกดีกว่า
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
