นับจาก 23 สิงหาคม 2565 ที่ “เศรษฐา ทวีสิน” รับสนองพระบรมราชโองการเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และนำมาซึ่งความคาดหวังที่สูงลิ่วของประชาชนว่า “เศรษฐา” จะพาประชาชนเป็น “เศรษฐี” ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง หลังเศรษฐกิจซบเซา เติบโตช้ามาเป็นเวลานาน เพราะเชื่อมั่นในแนวทางของเพื่อไทย ที่เคยฝากผลงานไว้ในอดีต ว่าจะแก้ปัญหาปากท้องได้
ด้วยนโยบายต่าง ๆ ที่หรูหราและน่าจะจับต้องได้ในช่วงหาเสียง ทั้งดิจิทัลวอลเลตแจก 1 หมื่นให้กับคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ค่าแรงขั้นต่ำ 600 หรือปริญญาตรีสองหมื่นห้าตลอดจนอื่น ๆ อีกมากมาย ภายใต้สโลแกน “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” จนทำให้หลายต่อหลายคนมีความหวังจริง ๆ เพราะทันทีที่เข้ามาสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้ทันที
ทั้งค่าไฟ ราคาน้ำมันดีเซล รวมถึงเบนซิน แต่ไป ๆมา ๆ ก็เป็นเพียงมาตรการฉาบฉวยช่วยเหลือเพียงระยะสั้น พ้น 3 เดือนก็หมดโปร จนถึงตอนนี้ผ่านไป 6 เดือนเศษ นโยบายหลัก ๆ แทบไม่เห็นเลยค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้นได้เพียง 2-16 บาททั่วประเทศ ต่ำสุดอยู่ที่ 330 บาท และสูงสุดที่ 370 บาทเพียงไม่กี่จังหวัดห่างไกลจากนโยบายที่หาเสียงไว้อย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกับดิจิทัลวอลเลตแจก 1 หมื่นปรับรูปแบบไปแล้วระดับหนึ่ง ก็ยังดำเนินการไม่ได้ เลื่อนแล้ว เลื่อนอีกและเลื่อนต่อไป เพราะที่มาของเงินไม่ตรงปกแม้จะยังยืนยันว่าจะทำต่อ ให้ความหวังแก่คนรอ แต่คำตอบก็ไม่รู้ว่าจะทำตอนไหน
แม้ 6 เดือนผ่านไป ประชาชนจะยังไม่เป็น “เศรษฐี” แต่ต้องชื่นชมการทำหน้าที่ของ” เศรษฐา”ที่เดินทางลงพื้นที่พบปะช่วยเหลือแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างเต็ม นับเป็นรายจังหวัดก็เกือบครึ่งประเทศที่ไปมาขณะเดียวกันก็เดินทางสานสัมพันธ์กระชับไมตรีกับนานาประเทศ ฟื้นฟูภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลกได้เป็นอย่างดีและเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม ในเรื่องของการส่งออก เดือนมกราคม 2567 ขยายตัวสูงถึง 10% สูงสุดในรอบ 19 เดือน
ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7.8 แสนล้านบาท จึงนับว่ามีผลงานอยู่พอสมควรขณะเดียวกันสินค้าเกษตรหลายชนิดก็เริ่มปรับราคาสูงขึ้น ทั้ง ยางพาราและอ้อย ตลอดจนการท่องเที่ยวก็เริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนจะเป็น “เศรษฐี” เพราะตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาสโลแกน “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ยังแทบไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม ค่าจ้างขึ้นไม่สำเร็จ ค่าไฟ ยังพอตรึงไว้ได้แต่น้ำมันเบนซิน กลับขึ้นต่อเนื่องเกือบทุกสัปดาห์ สินค้าอุปโภค บริโภค ก็พาเหรดกันขึ้นเกือบทั้งหมดหรือแม้แต่ค่าทางด่วน 1 มี.ค.นี้ ก็จะปรับขึ้นอีกใน 2 เส้นทาง ก็ยิ่งตอกย้ำกับประชาชนว่า “ลดรายจ่าย ไม่มีอยู่จริง”เพิ่มรายได้ ก็ไม่มี” รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ มีเพียงอย่างเดียวที่ทำคือ ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจอาจจะวิกฤต จำเป็นต้องกู้มาแจก เท่านั้นถึงจะมีทางออก
ดังนั้นคำตอบ ณ ตอนนี้ รัฐบาล “เศรษฐา” 6 เดือน ประชาชน ยังต้องรอเป็น “เศรษฐี” ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ แต่ก็ต้องรอด้วยความหวัง และให้กำลังใจ “นายกฯเศรษฐา” ทำให้สำเร็จ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews