เริ่มต้นเดือนมีนาคม หลายฝ่ายเฝ้าติดตามอย่างใจจด ใจจ่อ สำหรับงบประมาณปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ที่ล้วงเลยค้างคามานาน ล่าสุดก็มีข่าวดี เพราะมีการปรับวันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2567 เร็วขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์ โดยมีไทม์ไลน์ ดังนี้คือ
1. สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ปี 2567 วาระที่ 2- 3 เดิมกำหนดวันที่ 3-4 เม.ย.2567 เป็นวันที่ 20-21 มี.ค.2567
2. วุฒิสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงงบประมาณ ปี 2567 เดิมกำหนดวันที่ 9- 10 เม.ย.2567 เป็นวันที่ 25-26 มี.ค.2567
3. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ปี 2567 ขึ้น ทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป เดิมกำหนดวันที่ 17 เม.ย.2567 เป็นวันที่ 3 เม.ย.2567
หลังจากนั้น คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ และทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงต้น ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า สอดคล้องกับคาดการณ์ GDP ปีนี้ของสภาพัฒน์ที่อยู่ในช่วง 2.2 -3.2% ซึ่งส่วนที่ฟื้นตัวเด่นในปีนี้นั้น ก็คือ การอุปโภคภาครัฐฯที่คาดเพิ่มขึ้น 1.5%YoY ฟื้นตัวเด่นจากปี 2566 ที่ลบ 4.6%YoY
สอดรับกับความเห็นของ “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ ที่กล่าวกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า เป็นเรื่องดีที่ได้มีการปรับวันพิจารณางบประมาณปี 2567 ให้เร็วขึ้น เพราะล่าช้ามาหลายเดือนแล้ว และถ้ามีการเร่งรัดงบประมาณให้เร็วขึ้นย่อมส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย
แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเดือนมีนาคม 2567 ยังคงต้องเฝ้าติดตามหลากหลายปัจจัย ทั้งความคืบหน้าแจกเงินหมื่นดิจิทัล วอลเล็ต, การเบิกจ่ายงบประมาณ, การท่องเที่ยว, การส่งออก รวมถึงผลงานของนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ในวันนี้หลายคนมองว่า มีแต่ท่า มากกว่าการกระทำ
ทั้งนี้ ผลจากการเลื่อนวันพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณปี 2567 ให้เร็วขึ้นย่อมส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน โดยผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด “นายณัฐชาต เมฆมาสิน” บอกว่า ภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนมีนาคม คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ได้ โดยมีปัจจัยหนุนอยู่หลายปัจจัยดังนี้ 1.การเริ่มต้นบังคับใช้มาตรการฟรีวีซ่าระหว่างไทย-จีน
ซึ่งน่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย 2.ความคาดหวังต่อการใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการลงทุน หลังพ.ร.บ.งบประมาณฉบับใหม่มีโอกาสถูกประกาศใช้เร็วขึ้น โดยทั้งเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าจะเห็นพัฒนาการเชิงบวกจากสภาล่างและสภาสูงอย่างต่อเนื่อง
3.ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูงขึ้น 4.Fund flow ที่น่าจะเริ่มกลับเข้ามาเป็นบวกมากขึ้น 5.Valuation ของตลาดหุ้นไทยที่ลงมาอยู่ในโซนที่น่าสนใจแล้ว และ 6.การปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยที่น่าจะสิ้นสุดลงชั่วคราว หลังผ่านพ้นเทศกาล ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2566 ไปเป็นที่เรียบร้อย
ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ในเดือนนี้จะมีแนวรับแรกอยู่ที่ 1,370 จุด และแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,340 จุด ในทางกลับกัน ประเมินแนวต้านแรกที่ 1,410 จุด และแนวต้านสำคัญ 1,440 จุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews