Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

อำนาจใดหัก “ต่อ-โจ๊ก” เด็ดปีกขั้วอนุรักษ์นิยม?

มหากาพย์ ศึกสีกากี ผ่าเส้นทางเงินเอี่ยวเว็บพนัน ยังไม่สะเด็ดน้ำ แม้ว่า “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” จะตั้งโต๊แถลงข่าวหวานเจี๊ยบ จากนั้นชั่วลัดนิ้วมือเดียว นายกฯใต้เงาอำนาจตัวจริง สั่ง เด้งแพ๊คคู่เข้ามาช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งบิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาการ ผบ.ตร.แทน งานนี้เหยี่ยวข่าวรายงานว่า การเด้ง 2 บิ๊กสีกากีครั้งนี้หวังลดกระแสความขัดแย้งในรั้วปทุมวัน และจะเด้งคนใดคนหนึ่งไม่ได้เพราะจะถูกครหาจากอีกฝั่ง ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกันทั้งคู่ จึงต้องสงบคลื่นลมแรงไว้ชั่วคราว

 

 

และการเด้ง “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” ในปี2567 นี้ ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะในปี 2562 ช่วงที่ “บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา” อีกหนึ่งน้องรักบิ๊กป้อม เป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขณะนั้น ลงนามคำสั่งให้บิ๊กโจ๊ก พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมา บิ๊กตู่ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ลงดาบ “มาตรา 44″ อำนาจหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฝังกลบดิน

 

โดยให้บิ๊กโจ๊ก ขาดตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ใน สตช. เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เทียบเท่า นักบริหารระดับสูง และไม่น่าเชื่อว่า อีก 5ปีต่อมา นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ก็สั่งเด้งบิ๊กโจ๊กให้เข้ามาช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรีเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่คราวนี้ย้ายคู่ขัดแย้งทั้งคู่เข้ากรุ ภายใต้ลมกระพือข่าวลือว่าทั้ง”บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก”เนื้อแท้แล้วต่างเป็นขั้วอำนาจขุนทหารทั้งคู่

 

ซึ่งเมื่อย้อนเส้นทางเติบโตในยุทธจักรสีกากี นั้น ทั้ง”บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” ต่างเป็นประเภทดาวรุ่งพุ่งแรงแซงทุกโค้งเหมือนกัน เนื่องจากแบ๊กอัพของทั้งคู่ระดับช้างแมมมอธ อย่าง “บิ๊กโจ๊ก”นั้นแม้เจ้าตัวจะปฎิเสธมาตลอดว่าไม่ใช่เด็กป่ารอยต่อ แต่แปลกที่แม้แต่เด็กอมมือยังไม่เชื่อเลย เพราะเส้นทางการเติบใหญ่ นั้นรุนแรงยิ่ง บิ๊กโจ๊กขึ้นนายพลด้วยวัยไม่ถึง 45 ปี ต่อมาปี พ.ศ.2561เป็นผู้บัญชาการอายุน้อยที่สุดในวงการสีกากี ติดยศ พล.ต.ท. ด้วยวัยเพียง 48 ปี เท่านั้น

 

ต่อมาแม้โดนมรสุมหนักๆ เกือบจะหลับก็กลับมาได้ ทุกครั้ง จนได้ฉายาแมว9ชีวิต เหมือนกับขวากหนามครั้งนี้ ที่สุดท้ายคดี ที่พัวพันกับบิ๊กโจ๊กทั้งหมดจะถูกโอนมาอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือปปช. ที่มีพลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธานกรรมการซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า ปปช.นั้นถูกลือว่าตลอดว่ามีสายสัมพันธ์กับบิ๊กป้อมเป็นอย่างดี งานนี้จึงถูกมองว่าบั้นปลายคดีนี้อาจจบแบบหวานเจี๊ยบหรือไม่ อย่างไร

 

เช่นเดียวกับ”บิ๊กต่อ”อดีตเซลส์แมนบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ สู่การเป็นประมุขรั้วปทุมวันคนแรกที่ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อย เมื่อตอนปี2563″บิ๊กต่อ ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทาง bbc thai รายงายไว้ว่า “ต่อศักดิ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจที่อาวุโสน้อยที่สุด คือรับราชการมาเพียง 22 ปี เริ่มจากตำแหน่งรองสารวัตรเมื่อ 1 ก.พ. 2541 ปีเดียวกันกับนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 51 ซึ่ง นรต. รุ่นนี้เกือบ 300 นาย ยังไม่มีใครก้าวขึ้นเป็นรองผู้บังคับการแม้แต่คนเดียว

 

แต่ที่สนใจไปกว่านั้นคือนามสกุลของ”บิ๊กต่อ”นั้นถูกเชื่อมโยงไปถึงพี่ชายที่มีหน้าทีการงานที่สำคัญยิ่ง และในเส้นทางของบิ๊กต่อ” ก่อนขึ้นรองผู้บังคับการปราบปราม ได้รับความไว้วางใจให้เป็น ผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 วางฐานรากหน่วยกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษในเวลาต่อมา กระทั่งได้เลื่อนเป็นรองและ เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้ช่วย และรอง และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในที่สุด

 

สุดท้ายการที่ “ต่อ-โจ๊ก” โชว์หวานเจี๊ยบก่อนเด้งคู่ นั้นบรรดากองเชียร์สายฮาร์ดคอร์ ไม่ชอบใจนัก เพราะเกรงว่าคดีที่เปิดมาจะเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ ตัวละครต่างๆ เส้นทางการเงินบาปต่างๆ จะถูกซุกเข้ากองพรมหรือไม่ น่าติดตามอย่างยิ่ง!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube