“เศรษฐา ทวีสิน” บริหารประเทศมากว่า 6 เดือนแล้ว ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์นายกฯหุ่นเชิด ไม่มีอำนาจเด็ดขาด ทำให้หลายๆ นโยบายขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่เต็มที่ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเลต ที่ยืดเยื้อยาวนาน ทั้งที่เป็นนโยบายเรือธงประกาศจะทำทันทีตั้งแต่ประชุมครม.นัดแรก และเคยประกาศไว้ตั้งต้น ในการประชุมรัฐมนตรีที่มาจากเพื่อไทยว่า “การแก้ปัญหาช่วยเหลือประชาชน หากมีปัญหาที่กฏหมาย ก็แก้กฏหมาย หากมีปัญหาตัวบุคคล ก็ย้ายออก” อย่างดุดัน
แต่ในความเป็นจริง กลับนุ่มนิ่ม อ้อมไปอ้อมมา แทบไม่มีการใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการเลย แม้การเดินหน้านโยบายของตัวเองจะติดขัด ถูกสกัด เจาะยางหลายครั้ง จากหน่วยงานอิสระ หรือหน่วยงานราชการกันเองก็ตามมีเพียง “อธิบดี ดีเอสไอ” เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ถูกมองว่าโดนเด้งเพราะไม่ตอบสนองนโยบายปราบหมูเถื่อนของรัฐบาล หรือ อาจตอบสนองแล้วแต่ไปเจอตอ จึงถูกตัดตอน กระทั่งสัปดาห์นี้ นายกฯเศรษฐา จึงใช้อำนาจลงนามคำสั่งย้าย 2 นายตำรวจ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาลรอง ผบ.ตร.
ซึ่งถูกสังคมจับจ้องว่ากำลังขัดแข้งขัดขา สร้างความแตกแยกในองค์กร เข้ากรุสำนักนายกฯ เป็นเวลา 60 วันเพื่อเปิดทางให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบ จนได้รับเสียงชื่นชมว่ากล้าหาญ ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดในการพยายามแก้ปัญหาภาพลักษร์ขององค์กรตำรวจ แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะผู้นำ
แต่ในขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่าคำสั่งเด้งครั้งนี้ จะสอดรับกับวลี “ต่างคนต่างอยู่”ของนายใหญ่หรือไม่ หรืออาจเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูส่งสัญญาณ ไปถึงข้าราชการอื่นๆ หรือแม้แต่ตัวรัฐมนตรี ว่าให้ระวังตัวไว้ ทำงานไม่ดี หรือมีปัญหาขัดแย้งเป็นตัวถ่วงของรัฐบาลในการแก้ปัญหาช่วยเหลือประชาชน หรือตอบสนองนโยบายรัฐบาลไม่ได้ ก็อาจโดนเชือดไม่ต่างจาก 2 บิ๊กตำรวจก็ได้
หากดูตามแนวทางที่เคยกำชับรัฐมนตรีเพื่อไทย ที่ระบุ “หากมีปัญหาที่กฏหมาย ก็แก้กฏหมายหากมีปัญหาตัวบุคคล ก็ย้ายออก” แล้วหันไปมองการทำงานของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับมีความพยายามในการแก้กฏหมาย หรือยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่เป็นอุปสรรคในการทำงานอยู่พอสมควร
ส่วนตัวบุคคล ก็มีหลายคน หลายในหน่วยงาน ที่เข้าข่าย สุ่มเสี่ยง ทั้งเรื่องขัดแย้งกันอาทิ กรมอุทยาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” กับ ก.เกษตรฯโดย สปก. หรือแม้แต่แบงก์ชาติ ที่ไม่ขานรับสัญญาณลดดอกเบี้ยของรัฐบาล ไม่ว่าจะพยายามกดดันไปมากน้อยเพียงใด รวมถึงกรณีเห็นต่างเรื่องดิจิทัลวอลเลต
ตลอดจนเรื่องหมูเถื่อน ที่ดูเงียบๆไป แก้หนี้ปราบมาเฟีย ปราบยาเสพติด ซึ่งล้วนเป็นนโยบายที่สั่งตรงมาจากปากของนายกฯ เศรษฐาหากไม่มีผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ผู้รับผิดชอบสูงสุด ระดับกลาง หรือระดับล่าง ก็อาจถูกสอยเป็นรายต่อไป เพื่อเป็นการขันน็อตให้เร่งมือปั้มผลงานมากยิ่งขึ้นก็เป็นไปได้ทั้งหมดเพราะในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลเพื่อไทย ตั้งแต่ยุค อดีตนายกฯทักษิณ เมื่อครั้งเป็นไทยรักไทย
รวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ล้วนเคยมีประวัติเกี่ยวกับการโยกย้ายข้าราชการ ที่ไม่สนองนโยบาย หรือขัดหูขัดตาเพราะไม่ใช่คนของตัวเอง จนกลายเป็นความขัดแย้ง ระหว่างฝ่ายบริหารกับข้าราชการประจำ ถึงขั้นเป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล และเป็นจุดเปลี่ยนของรัฐบาลมาแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ ก็ได้แต่หวังว่านายกฯเศรษฐา ที่มีประสบการจากภาคเอกชนแบบล้านเปอร์เซนต์ มุ่งมั่นทำงานแบบไม่รู้จัดเหน็ดเหนื่อยถึงลูกถึงคน จะไม่เสียหลักเพราะระบบราชการ จนกลายเป็นต้นตอ อุบัติเหตุทางการเมืองซ้ำรอยอดีตอีกนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews