ภายหลังจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่แฉขบวนการเก็บส่วย 18 ธุรกิจสีเทา ทั่วประเทศ พร้อมเปิดเผยผังเส้นทางการเงินโยงคนใกล้ตัวของนายตํารวจระดับสูง ภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ และกองบัญชาการสําคัญที่รับผิดชอบงานปราบปรามเครือข่าบเว็บพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา
โดยในวันนี้ ทนายตั้ม ได้นำเอกสารหลักฐานเป็นเส้นทางการเงินของ น.ส.พิมพ์วิไล ที่มีการโอนไปยังบัญชีม้าต่างๆและบัญชีโดยตรงของตํารวจมามอบให้กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ที่ ตึกกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อขอให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าจริงตามที่ตนแถลงข่าวหรือไม่ โดยยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาใคร เพื่อให้ตํารวจมีเวลาในการทํางานอย่างเต็มที่ หากพบผู้กระทําจะกลับมาแจ้งความดําเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ไม่หนักใจเพราะต้องการที่จะกวาดบ้านตัวเองอยู่แล้ว ยินดีให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่สนว่าจะยศใหญ่หรือยศเล็ก หากผิดต้องว่าไปตามผิดและจะต้องถูกดําเนินคดีเหมือนกันหมด เพราะบ้านเมืองอยู่ได้ด้วยกฎหมาย
โดยหลังจากนี้จะนําหลักฐานต่างๆที่ทนายตั้มมอบให้ ส่งให้พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ดําเนินการ โดยจะให้ทนายตั้มไปชี้แจงรายละเอียดให้กับพนักงานสอบสวนทราบ หลังจากนั้นจะทําการขยายผลไปยังเส้นเงินต่างๆทุกมิติและไม่ต้องกลังว่าจะมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะเชื่อว่าหลักฐานบางส่วนเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังระบุด้วยว่า ตนเติบโตมาจากการทํางานด้วยสองมือสองขาของตัวเองและไม่เคย “เลียตูดนาย” เพื่อหวังความเจริญก้าวหน้า ซึ่ง ผบ.ตร. เป็นผู้บังคับบัญชาและตนไม่ใช่เด็กใคร ทํางานตามอุดมการณ์และหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและขอยืนยันว่าตนทํางานไม่ได้คํานึงถึงการเจริญเติบโตหรือจะอยู่ในอาชีพของตํารวจได้ตลอดหรือไม่ แต่จะอยู่เพื่อความถูกต้องและความเป็นธรรมกับทุกคน ขอให้สบายใจได้เพราะ “ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง ใหญ่แค่ไหนก็จับ”
ขณะที่ทนายตั้ม กล่าวเพิ่มว่า เรื่องของสมาคมแห่งหนึ่งที่ตนแถลงข่าวว่ามีการรับเงินส่วยนั้น อยากชี้แจงให้ประชาชนทราบว่าเป็นเรื่องของตัวบุคคลเท่านั้นส่วนกรณีที่นายตํารวจระดับสูงเตรียมส่งทนายฟ้อง “หมิ่นประมาทฯ” ตนเองในวันพรุ่งนี้ อยากเตือนว่าให้ท่านคิดดีๆ เพราะทนายคนดังกล่าวเคยฟ้องตนมาแล้ว 6 ครั้ง ผลปรากฏว่าแพ้ทุกครั้ง ไหนๆก็ไหนๆแล้วตนขอพูดชื่อและฝากถึง นายอัจฉริยะ ว่า “พี่อัจครับมายื่นข้างประชาชนดีกว่า ออกมาช่วยกันแฉเรื่องส่วย หากออกมาตอนนี้จะลืมเรื่องเก่าๆให้หมด ออกมาทําเพื่อประชาชนสักครั้ง ประชาชนน่าจะอยากเห็นทนายตั้มกับอัจฉริยะลุยเรื่องส่วย”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากพบหลักฐาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับเงินส่วยพร้อมจะแฉหรือไม่ ทนายตั้ม กล่าวว่า หากพบหลักฐานที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เกี่ยวข้องหรือกระทําผิดจริง แม้ตนจะหนักใจแค่ไหนก็ตามก็จะต้องทํา แต่ตอนนี้มีข้อมูลเท่าที่ตํารวจมี ซึ่งก็ถูกดําเนินคดีไปแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
