จับสัญญาณเศรษฐกิจไทย ผ่านตัวเลขการส่งออก หลังกระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขเดือน ก.พ. ออกมาที่ระดับ 3.6% แม้ว่าจะต่ำกว่าคาดไว้ 4.4%แต่ภาพรวม “นักวิเคราะห์” มองว่า ไม่ได้ย่ำแย่นั่นเพราะการส่งออกของในเดือน ก.พ.ขยายตัวเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน
อีกทั้งยังมีเรื่องงบประมาณประจำปี 2567 ที่เห็นชอบในชั้นวุฒิสภาและเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯสัปดาห์นี้ ก็จะหนุนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและทำให้โมเมนตัมของการลงทุนภาครัฐให้เร่งตัวขึ้นหลังติดลบแรงในไตรมาสก่อน ๆ หนุน GDP ทยอยเร่งตัวในไตรมาส 2 ปี 2567 และโดยเฉพาะครึ่งปีหลัง
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า ตัวเลขการส่งออกดังกล่าวสอดคล้องกับในหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชีย นำโดย เวียดนามส่งออก ม.ค.2567 เติบโต 42%,ไต้หวันบวก 18.1%, เกาหลีใต้บวก 18.0%, สิงคโปร์บวก 15.7% เป็นต้น
ทั้งนี้แนวโน้มภาคการส่งออกไทยในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าการส่งออกไทยยังคงได้รับปัจจัยบวก จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าตามภาวะเงินเฟ้อโลกที่เริ่มชะลอตัว ขณะที่ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางยังไม่ส่งผลกระทบทางตรงต่อไทยมากนัก ส่งผลแต่เพียงในทางอ้อมคือ อัตราค่าระวางเรือจะเพิ่มสูงขึ้น โดยภาพรวมกระทรวงพาณิชย์คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2567 จะโตราว 1 ถึง 2%
สอดคล้องกับ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกไทยในเดือนก.พ.เทียบกับปีก่อน ได้แก่ส่งออกสินค้าเกษตรขยายตัว 7.5% อาทิ ข้าว จากปัจจัยด้านราคาและปริมาณและสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 5.2% นำโดยคอมพิวเตอร์ และส่วนประกอบ
นอกจากนี้ การส่งออกทองคำในเดือน ก.พ. 2567 ขยายตัวสูง 309.5% เทียบกับปีก่อนเป็นผลมาจากปัจจัยด้านราคา และฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหากไม่รวมทองคำส่งออกไทยเดือน ก.พ. 2567 จะขยายตัวอยู่ที่ 1.2% เทียบกับปีก่อน
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการภาพรวมการส่งออกไทยปี 2567 อยู่ที่ 2%สอดคล้องกับการค้าโลกที่ปรับตัวดีขึ้น และความต้องการสินค้าหลายตัวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ จะยังเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกของไทยในปี 2567
ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมืองกล่าวกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ในปีนี้ 2567 เครื่องยนต์สำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือการท่องเที่ยว ,การส่งออก และการลงทุน โดยมองว่าการส่งออกปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 3-4% โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นเซลส์แมน ดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews