แม้จะเละเป็น “โจ๊ก” แต่ก็เป็น “โจ๊ก” ที่ต้มเดือด100องศาเซลเซียส สาดใส่หมดไม่สนลูกใคร ประหัตประหารให้แหลกราญกันไปข้าง วันก่อนเจ้าตัวออกโรงเคลื่อนไหวเล่นของสูงกะสอยนายกเศรษฐา
วันต่อมาไฟเขียว น้องเลิฟ อย่าง”ทนายตั้ม ไม่มีติ๋ม”ออกโรงแฉแหลกอีกรอบ ตั้งโต๊ะกางแผนผังเว็บพนันประจานวงการสีกากี ชี้ให้ประชาชนเห็นว่า การดำเนินคดี 2 บิ๊กตำรวจ แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ของบิ๊กต่อทำงานกันไม่เป็นเลย แต่ของบิ๊กโจ๊ก ทำสำเร็จจนออกจากราชการไปแล้ว
แม้ว่าที่ผ่านมาอริของ”บิ๊กโจ๊ก”จะมากหน้าหลายตา
แต่ทีม”บิ๊กโจ๊ก”หรือฝ่ายที่ยังสนับสนุน หรือเป็นลูกพี่ หรือผู้หลักผู้ใหญ่อีกหลายราย ที่ยัง รักและเอ็นดู”บิ๊กโจ๊ก”มาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากคนแรก “ทนายตั้มติดดิน”สนิทกับ”บิ๊กโจ๊ก”มายาวนาน ก่อนหน้านี้ก็เดินแรงๆมาหลายรอบแล้ว ทั้งแถลงเปิดเส้นทางการเงินเอี่ยวบิ๊กตำรวจ ต่อมา 1 เม.ย. 2567 บุกสน.เตาปูน แจ้งความดำเนินคดีกับ บิ๊กต่อและภริยาพร้อมบัญชีม้าอีก 2 คน รวม 4 คน ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
จากนั้น 23 เม.ย. 2567 เล่นใหญ่อีกรอบ ออกมาซัดทีมทำคดี 2 บิ๊กตำรวจ ทำไมสองมาตรฐาน พร้อมกันรุกต่อ 24 เม.ย. 2567 นำหลักฐานสำคัญไปมอบให้กับ บก.ปปป. พร้อม”ฝากถึงบิ๊กเต่าดูผมเป็นตัวอย่าง ผมเปิดทั้งสองคนเลย ไม่เกรงใจพี่น้อง เพราะอยากให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม ให้ส่วยหมดไป ขอถามท่านว่ากล้าหรือเปล่า กล้าจะดำเนินคดีกับคนที่ไม่มีใครกล้าแตะ
อนาคตผมอาจจะถูกยิงตายก็ได้ แต่ว่าวันนี้ผมได้ทำเพื่อชาติเพื่อบ้านเมืองแล้ว “ทีม”โจ๊ก” คนต่อมาคือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่แม้บิ๊กโจ๊กจะเคยบอกปัดว่าไม่ใช่เด็กป้อม แต่เส้นทางการเติบใหญ่ และภาพทางหน้าสื่อของบิ๊กโจ๊กนั้นชัดเจนว่ามีเสื้อคลุมของพี่ใหญ่บ้านป่ารอยต่อสวมทับอยู่ต่อเนื่อง และแม้ว่าช่วงหลัง”บิ๊กป้อม”จะโรยราลงไปมาก แต่อย่าลืมว่าเขายังแนบแน่น บิ๊กปปช.เป็นอย่างดี ดังนั้น บิ๊กโจ๊กจึงประสงค์ให้คดีของเขาไปอยู่กับ ป.ป.ช. เท่านั้น และเมื่อเอกสารหลุดว่อนเพื่อขยี้กรรมการปปช.รายหนึ่งที่มีเรื่องคาใจกันมาก่อนกับบิ๊กโจ๊ก
แต่กลายเป็นเหล็กแหลมทิ่มลูกพี่อย่างฉมัง “ผู้จัดการออนไลน์” รายงานเรื่องนี้ไว้ว่า “เนื้อหาในหนังสือร้องเรียนดังกล่าวของบิ๊กโจ๊ก ได้ตอกย้ำในตัวมันเองว่า ป.ป.ช.ยุคนี้ ถูกครอบงำโดยนักการเมือง มันเผยให้เห็นสายสนกลในว่า พล.อ.ประวิตร สามารถกำหนดตัวจะให้ใครเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ก็ได้ และสุดท้ายบิ๊กโจ๊กเอง ก็คือมรดกตกทอดของบิ๊กป้อม ซึ่งทิ้งไว้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องมาลุยกวาดบ้าน วุ่นวายหนักหนาอยู่ในเวลานี้”ทีม”โจ๊ก” คนต่อมาคือ”อนันต์ชัย ไชยเดช” ทนายความกองทัพธรรม ฉายา “ทนายกระดูกเหล็ก”
ครั้งหนึ่งเคยรับเป็นทนายความให้กับ “บิ๊กโจ๊ก” ในคดีถูกค้นบ้านพักที่ซอยวิภาวดี 60 อย่างไม่เป็นธรรม แต่ต่อมาก็มีการถอนตัวและปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นทนายแล้ว แต่ต่อมาทนายอนันต์ชัย ไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อเอาผิดนายกเศรษฐ แต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ มิชอบ รวม 10 คน
ทีม”โจ๊ก” คนต่อมาคือ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยหนึ่งใน ผบ.ตร. ที่เคยถูกย้ายช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ผ่านมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะเอ็นดูและชื่นชมความสามารถของ”บิ๊กโจ๊ก” ครั้งหนึ่ง”เสรีพิศุทธ์”เคยระบุว่า “บิ๊กโจ๊ก” เหมาะนั่ง ผบ.ตร. คนต่อไป หรือช่วงที่เขาถูกค้นบ้าน ทาง”เสรีพิศุทธ์ ระบุเป็นการ “ชกใต้เข็มขัด” หวังผลดิสเครดิต
ก่อนตั้ง ผบ.ตร. เตือน นายกฯเศรษฐา อย่าถูกหลอก อ่านกฎหมายตำรวจให้แม่น ระวังติดคุกได้นอกจากนี้ “บิ๊กโจ๊ก”ยังได้แรงหนุนจากสมาคมชาวปักษ์ใต้ ที่รวมตัวเข้าพบ “บิ๊กโจ๊ก” มอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และดอกไม้เป็นกำลังใจ แสดงจุดยืนปกป้องคนดีที่ถูกรังแก..อย่างไรต้องติดตามว่า “บิ๊กโจ๊ก”ฉายาแมว 9ชีวิต ที่วันนี้ไม่แน่ใจจะมีชีวิตที่10หรือไม่ เอาแค่ประคองชีวิตสุดท้ายก็ร่างแหลกสาแหรกขาดหนักหนาอยู่แล้ว!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
