นับตั้งแต่นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ประกาศนโยบายแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเลต ตั้งแต่ช่วงหาเสียง ของพรรคเพื่อไทย ก็มีเสียงต่อต้านท้วงติงจากหลายบุคคคล และหลายหน่วยงานมาโดยตลอด เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล ประกาศคิกออฟนโยบายเป็นทางการ หน่วยงานแรกที่ส่งสัญญาณคัดค้าน คือ “แบงก์ชาติ” ที่มี “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” เป็นผู้ว่าการ ก่อนความขัดแย้งขยายวงกว้างขึ้น
หลังทั้ง 2 คนได้พบกันหารือเรื่องกำไรของธนาคารที่เพิ่มขึ้นเป็นประวิตการณ์ โดยขอให้ลดดอกเบี้ย ซึ่งรัฐบาลเพื่อไทย และนายกฯ “เศรษฐา” กดดันหลายครั้งให้ลดดอกเบี้ยลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่นโยบายทางการเงินทุกอย่าง
ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมายังคงเดิม และสวนทางกันโดยสิ้นเชิง
สร้างความขุ่นเคืองให้กับ”บิ๊กรัฐบาล” มือเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด จนบรรดาแฟนคลับกองเชียร์สายฮาร์ดคอร์ ออกมาเชียร์ นายกฯเศรษฐา ที่ควบตำแหน่งขุนคลัง ปลดผู้ว่าฯ “เศรษฐพุฒิ” ออกจากตำแหน่งเสียเลย และท่ามกลางความขัดแย้งทางความคิด ต่อดิจิทัลวอลเลต ที่ดูเหมือนจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น
หลังมีท่าทีคัดค้านต่อการแจกเงินหมื่น แม้จะมีมติ ครม.ไปแล้วก็ตาม กลับกัน “นายกฯเศรษฐา” ก็ข้ามหัว”แบงก์ชาติ” คุย 4 แบงก์ใหญ่โดยตรง ขอให้ลดดอกเบี้ยลง ก่อนที่ 4 แบงก์ใหญ่จะขานรับในวันถัดมาทันทีจึงน่าสนใจมากว่า ความขัดแย้งระหว่าง รัฐบาล กับแบงก์ชาติ จะจบลงอย่างไร เพราะในอดีต รัฐบาลเพื่อไทย ตั้งแต่ยุคอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในชื่อไทยรักไทย หรือ เมื่อครั้ง อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ล้วนมีความขัดแย้งกับแบงก์ชาติอย่างรุนแรงทั้งสิ้น
นอดีต มีผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ถูกปลดพ้นจากำตแหน่งมาแล้ว 4 คน ประกอบด้วย นายโชติ คุณะเกษม ในยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อมา “นายนุกูล ประจวบเหมาะ” ปลดโดย นายสมหมายฮุนตระกูล ขุนคลังในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ส่วนรายที่ 3 นายกำจร สถิรกุล สมัยของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณและผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนสุดท้ายที่ถูกปลด คือ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หรือ “หม่อมเต่า” ในสมัยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐบาลพรรคไทยรักไทย
ซึ่งมีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จากความขัดแย้งเชิงนโยบายเรื่องค่าเงินบาท ซึ่งหลงจากนั้น ทุกยุคทุกสมัย “แบงก์ชาติ” จะมีความขัดแย้งที่ค่อนข้างหนักหน่วง และรุนแรงกับรัฐบาลโดยเฉพาะที่มาจากการเลือกตั้ง และมีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ อย่างเมื่อครั้งอดีตนายกฯ “ยิ่งลักษณ์” มี “กิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็ขัดงัดข้อกับ แบงก์ชาติ ที่มี “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล”เป็นผู้ว่าฯในเรื่องของนโยบายดอกเบี้ย ด้วยเช่นกัน
แต่ครั้งนั้น ยังไม่ถึงขั้นปลดออก เพราะ รัฐบาลมีอันเป็นไปเสียก่อน กระทั่งมาถึงปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล มี”เศรษฐา”เป็นนายกฯก็ขัดแย้งกับธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้ง โดยมีเรื่องดอกเบี้ย เหมือนกับเมื่อครั้งอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นประเด็นรอง แต่ประเด็นหลักน่าจะอยู่ที่ดิจิทัลวอลเลต จึงน่าสนใจว่า นายกฯเศรษฐา จะจัดการกับผู้ว่าฯ “เศรษฐพุฒิ” อย่างไร จะกลายเป็นผู้นำแบงก์ชาติคนที่ 5 ที่ถูกรัฐบาลปลดออกหรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews