ครม.ใหม่ถ่ายภาพหมู่ชื่นมื่น ไร้เงา “สุทิน คลังแสง” ขณะ นายกฯ “เศรษฐา” ไม่รู้ “ทักษิณ” พบกลุ่มชาติพันธุ์ช่วยเคลียร์วิกฤติเมียนมา “อนุทิน” ย้ำ หนุนนโยบายเงินหมื่นหากถูกกฎหมาย – ไม่ขัดรธน. ชี้ ทุกหน่วยงานย่อมมีความเป็นอิสระในการทำประโยชน์เพื่อชาติและประชาชน
หลังจากปรับ ครม. และเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำ ครม.ใหม่ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันก่อนเริ่มประชุม ครม. นัดแรก ที่ จากเดิมจะมีการถ่ายบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล แต่เนื่องจากมีฝนตกจึงย้ายไปถ่ายบริเวณห้องโถง ตึกสันติไมตรี แทน ด้วยบรรยากาศชื่นมื่น ขาดเพียง นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ ติดภารกิจอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย คนเดียว
และภายหลังการประชุม ครม. เสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พบกับกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธบางกลุ่ม รวมถึงสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU)เพื่อหารือการช่วยเหลือวิกฤตของเมียนมา ว่า ไม่ทราบว่าได้มีการเจรจาหรือไม่ แต่ไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคง ที่มีการพูดคุยกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องชั้นความลับที่เราไม่อยากจะเปิดเผบส่วนอึดอัดใจหรือไม่ที่นายทักษิณไปคุยคู่ขนานกับการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ทราบมีการไปพูดคุยหรือไม่ แต่เชื่อว่าทุกคนหวังดีกับประเทศ
ส่วนประเด็นแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่รัฐมนตรีใหม่ต้องมาสานต่อการทำงาน อย่าง นายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า ทราบดีภารกิจเร่งด่วนคืออะไร ซึ่งจะใช้หน้าที่และความรับผิดชอบที่มีอยู่ในการสะสาง และจัดการปัญหาที่คิดว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น และดีต่อผลประโยชน์ของประเทศโดยตนจะทำอย่างสุดความสามารถ
ส่วนจะต้องมีการพูดคุยปัญหากับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายพิชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งเป็นทั้งหน้าที่ และความรับผิดชอบของตน ร่วมกับธปท.ที่เราจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันให้เครื่องจักรสองเครื่อง ทั้งนโยบายการคลัง และนโยบายการเงิน ให้สอดคล้อง และเดินไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก่อนจะเดินทางได้เราต้องตกผลึกและทำความเข้าใจก่อนว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร
ขณะที่กระแสข่าวการแก้ไขกฎหมายให้ธปท. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล มองว่า เรื่องนี้มาดูกันอีกทีดีกว่าว่าใช่ปัญหาหรือไม่ และที่มีกระแสต่อต้านเนื่องจากมองว่าธปท.ควรเป็นอิสระ
ส่วนในฐานะเป็นรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจมองว่า ธปท. ควรอยู่ภายใต้กำกับของรัฐบาลหรือเป็นอิสระ นายพิชัย กล่าวว่า จริงๆ ก็อิสระอยู่แล้ว ในเรื่องนโยบายการเงิน และมองว่าความอิสระนั้นก็มีมาตลอด และสามารถกำหนด และตัดสินได้ด้วยวิจารณญาณ รวมถึงคนที่เข้ามาร่วมกันตัดสินนโยบาย ซึ่งทั้งหมดก็ต้องเป็นไปเพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐ
ขณะที่พรรครวมรัฐบาล อย่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ทุกหน่วยงานต้องมีอิสระในการทำงานของแต่ละหน่วยงานอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานใดก็ตาม เราต้องทำตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง และทำตามนโยบายของรัฐบาล ตราบใดที่นโยบายนั้น เป็นนโยบายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ และประชาชน
ส่วนในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลถ้าหมายถึงนโยบายเงินหมื่น ต้องดูว่าอยู่ในสมุดปกขาวหรือไม่ ถ้าอยู่ถือว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น หากจะทำนโยบายนี้ให้เกิดผลสำเร็จ ถูกต้องตามกฎหมายไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลักสำคัญของเรื่องนี้ถูกพิสูจน์ได้ด้วยการได้รับการยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล หรือจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตรงนี้รัฐบาลก็ต้องให้การสนับสนุน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews