ครบรอบ 1 ปีเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ไปหมาดๆ รัฐบาลเพื่อไทยที่ประกาศตัวยอมตระบัดสัตย์เพื่อประชาชน ไม่รอ 10 เดือน จะทำต่อให้เต็ม 10 มีนายกฯ ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่มาพร้อมความหวังครั้งใหม่ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ กับสโลแกนเท่ๆ “นายกฯเศรษฐา จะพาประชาชนเป็นเศรษฐี” ที่ ส.ส.เพื่อไทย พยายามประโคมกันในโซเชียล ผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้ ด้วยการประกาศจะ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” เพื่อช่วยเหลือประชาชนเต็มที่
แต่ในความเป็นจริง เมื่อผ่านไป 1 ปี หลายคนกลับบอกว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือบางบ่นหนักกว่าเก่า ว่ามันแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำไป ขณะเมื่อครั้งอภิปรายทั้วไปเพื่อเสนอแนะของฝ่ายค้านในสภา รัฐบาลกลับตอบว่า ที่ผ่านมาทำงานแก้ปัญหาปากท้องประชาชนโดยไม่มีงบประมาณ ไม่ได้ใช้งบลงทุน เพราะกฏหมายล่าช้า ยังไม่ผ่านสภา จะเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้นหรือไม่
เสียงสะท้อนของประชาชนเท่านั้น คือผู้ให้คำตอบ ว่าตลอดระยะเวลา 8 เดือนของ รัฐบาลของ”นายกฯเศรษฐา” ทำอะไรลงไปบ้าง แล้วคุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้นกว่าเก่าตรงไหนบ้าง ดิจิทัลวอลเลต นโยบายที่หาเสียงไว้จะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อฟื้นฟูทุกภาคส่วน กลับเลื่อนลอย ไร้รูปธรรม
ส่วนค่าแรง 600 ภายในปี 2570 ที่หาเสียงไว้ ก็ขยับเพียง 2-16 บาทบางพื้นที่ ขึ้นค่าแรงทั้งที ยังซื้อไข่ไก่ 1 ฟองไม่ได้ ก่อนวันแรงงานที่ผ่านมา จะมีข่าวดีขยับเป็น 400 บาททั่วประเทศ 1 ตุลาคมนี้ ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่ ยังไม่รู้ เพราะยังไม่ผ่านไตรภาคี และมีหลายองค์กรเริ่มคัดค้าน ขณะด้านสาธารณูปโภค มีการอุ้มพลังงานไว้ระดับหนึ่ง ทั้ง ค่าไฟ และแก้สหุงต้ม ถือว่าพอช่วยได้ ลดรายจ่ายได้จริง
แต่ในเรื่องน้ำมัน มติ ครม.เมื่อสัปดาห์ก่อน อุ้มเดีเซล ที่ 30 บาท/ลิตร ไม่ไหวขยายเพดาน เป็นตรึงราคาที่ลิตรละ 33 บาท ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสินค้าอื่นๆ ขยับตาม ซ้ำเติมประชาชนผู้มีรายได้น้อนอีกครั้ง แม้ รองฯภูมิธรรม” รัฐมนตรีพาณิชย์ จะเสียงแข็งว่า ราคาน้ำมันเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง ไม่ทำให้สินค้าราคาแพงขึ้นแต่ออย่างใดก็ตาม
4 วลีนี้ คือสิ่งที่ประชาชนกำลังรอจากรัฐบาล เศรษฐา และพรรคเพื่อไทย เพราะหลังครบรอบ 1 ปี วันเลือกตั้ง พบว่า หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ดีได้ขึ้นเลยจริงๆ เริ่มกันที่ ราคาไข่ไก่ ประกาศ 1 วันหลังเลือกตั้งปรับขึ้นราคาคละหน้าฟาร์ม 20 สตางค์/ฟอง หรือ 6 บาท/แผง ทุบสถิติแพงสุดปี 2566 ส้วล่าสุด 29 เม.ย. 67 ปรับขึ้นอีกฟองละ 20 สตางค์ หรือแผงละ 6 บาทอีกครั้ง สินค้าต่อมา เนื้อหมู มีการปราบปรามหมูเถื่อนกันอย่างเอิกเริก 7 พ.ค. 67 ทำให้หมูหน้าฟาร์มแพงขึ้นอีก 2 บาท แตะ 80 บาท/กก. ราคาขายปลีกท้องตลาด เนื้อหมู อยู่ที่ราคา 125-180 บาท ต่อ ก.ก.เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกิโลกัมละ 112-173 บาท แล้วแต่ชิ้นส่วน
นอกจากนี้ ราคาสินค้าอีกหลายรายการ มาม่า,ปลากระป่อง,น้ำมันพืช ล้วนปรับขึ้นราคากันอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวผัก ผลไม้ ล้วนขยับขึ้นจาก พ.ค.ปีก่อนแทบทิ้งสิ้น จึงพออนุมาณได้ว่า ยุครัฐบาลที่ประชาชนรอเป็นเศรษฐี สินค้าข้าวของ ราคาแพงขึ้น ชนิดที่เรียกว่า แพงทั้งแผ่นดินก็ว่าได้ จึงได้แต่หวังว่า นายกฯเศรษฐา จะเร่งทำผลงานใก้ได้ตามสโลแกน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่มัวแต่แก้ปัญหาทางการเมือง เรื่องของนายตัวเองปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีไปวันๆ แต่ผลงานอื่น ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จนประชาชนเดือดร้อนกันอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews