ส่องทิศทางความมั่งคั่งในตลาดหุ้นไทยและราคาทองคำ หลังจากมีปัจจัยลบเข้ามากระแทกบั่นทอนฉุดราคา
เริ่มต้นที่ “ทองคำ” ตลอดทั้งสัปดาห์ราคายังคงผันผวน ล่าสุดราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2567 ราคาปรับลงบาทละ 150 บาทต่อบาททองคำโดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 40,550 บาท ขายออก 40,650 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 39,825.32 บาท ขายออก 41,150 บาท
ซึ่งราคาทองดังกล่าวทำให้เกิดคำถามมากมายว่า ราคาทองทั้งในส่วนของตลาดโลกและราคาซื้อขายในประเทศ จะย่อตัวหลุด 40,000 บาทต่อบาททองคำหรือไม่หรือมีโอกาสมากน้อยเพียงใดที่ราคา จะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงเหมือนช่วงก่อนหน้านี้
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถาม นายกสมาคมค้าทองคำ “นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” ถึงแนวโน้มราคาทองคำในปัจจุบัน โดย “นายจิตติ” กล่าวว่า เป็นเรื่องยาก ที่ราคาทองในประเทศจะหลุด 40,000 บาท เพราะช่วงนี้ราคาทองจะนิ่ง ๆ ไม่หวือหวาสักเท่าไร
“นายจิตติ” กล่าวอีกว่า วันนี้ นอกจากนักลงทุนจะต้องจับตาท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ประเด็นเรื่องดอกเบี้ยแล้ว ยังคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทด้วยเดียวเช่นกัน
ด้าน เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ได้ออกบทวิเคราะห์ราคาทองคําทางเทคนิค ว่าราคาทองคําลงไปทดสอบแนวรับระยะสั้นที่ระดับ 2,330 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดตํ่าสุดเดิมของปีที่แล้วก่อนจะดีดกลับตัวขึ้นมา ภาพรวมยังคาดว่าราคาทองคํายังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideways ตามเดิม โดยมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,330 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,355 เหรียญสําหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,345 เหรียญ และแนวต้าน 2,370 เหรียญ และ ราคาทองโคเม็กซ์ คาดจะมีกรอบแนวรับ 2,350 เหรียญและแนวต้าน 2,375 เหรียญ ส่วนราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 40,300 บาทต่อบาททองคําและมีแนวต้านที่ 40,900 บาทต่อบาททองคำ
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ล่าสุด ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยการเมือง ซึ่งส่งผลทำให้ FUND FLOW ไหลออกและ มูลค่าการซื้อขายเบาบาง แต่อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าระดับ SET INDEX ที่ 1,350 จุดเป็นระดับที่มีนัยสำคัญทาง VALUATION เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการซื้อหุ้นสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาว สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามนอกจากสถานการณ์การเมืองแล้ว
ในเดือน มิถุนายน 2567 จะเป็นช่วงเวลาที่มีการประชุมธนาคารกลางหลายแห่งโดยเชื่อว่าจะเริ่มเห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารกลางยุโรป ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯและคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ของไทยน่าจะคงดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่งส่วนประเด็นเรื่องหนี้สาธารณะก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องจับตา เนื่องจากกำลังใกล้เพดาน 70%ของ GDP ที่กำหนดไว้เป็นกรอบวินัยการคลัง
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาความเคลื่อนไหวของราคาทอง และความมั่งคั่งในตลาดหุ้นไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงความท้าทายของรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ท่ามกลางภาระหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้น เพราะทั้งหมดนี้ ย่อมเชื่อมโยงต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews