เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังร่วมกันระหว่างสืบนครบาล สืบ สน.วังทองหลาง และสืบตำรวจภูธรภาค 4 เข้าจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 3 ราย
คือ น.ส.วรรณิภา ภรรยาเสี่ยต้นและผู้ว่าจ้าง นายสาโรจน์ ผู้จัดหาอาวุธปืนและยานพาหนะ และนายวีรภัทร ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนนายณัฐพล ผู้ทำหน้าที่เป็นมือปืนนั้น อยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี เบื้องต้นทราบเบาะแสว่า ออกนอกพื้นที่กรุงเทพมหานครไปอยู่แถบภาคตะวันออกแล้ว
ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมายัง บก.สส.บช.น. เพื่อร่วมประชุมติดตามคดีและสอบปากคำผู้ต้องหาในคดีพยายามฆ่านายพิชิต กลีบจินดา หรือเสี่ยต้น อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย
พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า ในคดีพยายามลอบสังหารเสี่ยต้นนั้น พนักงานสอบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย ได้แก่ ผู้ใช้จ้างวาน มือปืน ผู้จัดหาอาวุธปืน และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์
เบื้องต้นในชั้นการจับกุม นายสาโรจน์และนายวีรภัทรให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก โดยให้การรับสารภาพว่า อยู่ร่วมขบวนการพยายามลอบสังหารเสี่ยต้นจริง โดยได้รับเงินค่าจ้างจาก น.ส.วรรณิภา ภรรยาเสี่ยต้นจำนวน 300,000 บาท แบ่งเป็น เงินโอนให้แก่มือปืนจำนวน 45,000 บาท โอนเงินเป็นค่าจ้างวานจัดหาอาวุธให้แก่นายสาโรจน์อีก 33,000 บาท และที่เหลือเป็นเงินสด
ส่วนนางสาววิภา ยังคงให้การภาคเสธ อ้างว่าเป็นปมความขัดแย้งเรื่องภายในครอบครัวกับเสี่ยต้น ทั้งเรื่องหึงหวงและการทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งมูลเหตุจูงใจนั้น นอกจากเรื่องความขัดแย้งแล้ว ยังเป็นเรื่องผลประโยชน์ที่ภรรยาเสี่ยต้นจะได้รับหลังจากการเสียชีวิตของเสี่ยต้นด้วย
จากการสอบสวนพบว่า ภรรยาเสี่ยต้นเริ่มต้นวางแผน ตั้งแต่เดือนมีนาคมหลังจากมีปากเสียงกับเสี่ยต้น ก่อนจะเริ่มว่าจ้างให้มือปืนรับงานตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 1 เมษายน ได้ลงมาที่กรุงเทพเพื่อนัดพบกับนายสาโรจน์ ผู้รับงาน ซึ่งเป็นการพูดคุยวางแผนและชี้เป้าหมายตัวเสี่ยต้น ก่อนที่ต่อมาวันที่ 8 เมษายน ภรรยาเสี่ยต้นได้นัดหมายให้เสี่ยต้นออกมาพบที่ร้านเหล้าแสงจันทร์ รามอินทรา เพื่อส่งพิกัดชี้เป้าให้กลุ่มมือปืนสะกดรอยตามและก่อเหตุยิงในคืนเดียวกัน
ต่อ ตำรวจชุดสืบสวนได้ควบคุมตัว น.ส.วรรณิภา หะมาลา หรือมด ภรรยาเสี่ยต้น เข้ามายัง บก.สส.บช.น. เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียด โดย น.ส.วรรณิภา ได้มีการสวมหมวกแก๊ปสีดำและใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า
โดยระหว่างที่คุมตัวขึ้นไปยังห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เธอได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างวานฆ่าเสี่ยต้นหรือไม่ รวมถึงสาเหตุที่ต้องจ้างวานฆ่าและในวันที่เธอปรากฏตัวต่อหน้าสื่อ ทำไมถึงต้องพูดโกหกว่าเสียใจด้วย โดย น.ส.วรรณิภา ได้แต่เดินก้มหน้าและไม่มีการตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน
ส่วนนาย นายวีรภัทร สุคนธทรัพย์ ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันพยายามฆ่าเสี่ยต้นซึ่งรับหน้าที่ขี่จักรยานยนต์ เข้ามาที่ บก.สส.บช.น. เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียด โดยระหว่างการควบคุมตัว นายวีรภัทรได้สวมหมวกกันน็อคเต็มใบ พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวยืนยันว่า ตนเองไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับมด ภรรยาของเสี่ยต้นแต่อย่างใด ไม่รู้ว่ามีการจ้างวานจากใคร
แต่ยอมรับว่า เป็นคนที่ขี่จักรยานยนต์ให้กับมือยิงจริง ซึ่งตนเองไม่ได้ตั้งใจทำ เนื่องจากไม่ทราบว่าถูกว่าจ้างให้ไปขี่รถจักรยานยนต์เพื่อประกบยิงเสี่ยต้น ในวันนั้นเป็นการว่าจ้างให้ตนเองขี่รถจักรยานยนต์ไปตามหาแฟนสาวของมือยิง โดยตนเองได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 4,000 บาท นายวีรภัทรกล่าวยอมรับว่า ตนเองรู้สึกผิดและอยากขอโทษทางครอบครัวของเสี่ยต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews