สุริยะ เป็นประธานประชุมครม.แทน นายกฯหลังป่วยโควิด-19 ขณะ”ภูมิธรรม” ติดภาระกิจสภา ด้าน “สมศักดิ์” ไม่กังวลคดี “ทักษิณ-นายกฯ” ส่งผลกระทบรัฐบาล เช่นดัยวกับ “อนุทิน” มั่นใจใน 314 เสียง ขณะ “จุลพันธ์” รับ “เศรษฐา” ห่วงการใช้เงินดิจิทัลซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-โทรศัพท์
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีแทนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งปฎิบัติหน้าที่แทนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ป่วยโควิด-19 เนื่องจากนายภูมิธรรมติดภาระกิจที่รัฐสภา
โดยประเด็น ที่สังคมจับตาในวันนี้ คือกรณีอัยการสูงสุด นัดส่งฟ้องคดี 112 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่าจากการติดตามข่าวของสื่อมวลชนนายทักษิณ ไม่ได้มีความวิตกกังวลใดๆ เพราะขณะนี้บ้านเมืองเข้าสู่โหมดปรองดอง ส่วนจะทำให้รัฐบาลทำงานยากหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ ระบุว่า นายทักษิณ ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลก็คงไม่มีผลกระทบอะไร
เมื่อถามย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ในทางการเมือง เป็นการคาดเดา วิเคราะห์กันไปเองใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ ยอมรับว่า ไม่น่าจะมีอะไรเพราะขณะนี้เสียงรัฐบาลอยู่ที่ 314 เสียง จาก 500 เสียงซึ่ง สส. ก็เป็นส่วนที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้ว จึงไม่เห็นมีอะไรที่จะต้องทำให้ต้องมาวิเคราะห์ เช่นเดียวกับคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องของการยื่นเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม รัฐบาลยังไปได้ยังไม่มีการพิจารณา ส่วนในระยะยาวค่อยว่ากันอีกที
เช่นเดียวกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาท่าน รู้จักท่านเราก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเกิดขึ้นกับท่าน แต่เป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของกระบวนการ มั่นใจในแง่การเมืองไม่กระทบ ส่วนในแง่ของเศรษฐกิจประชาชนหวั่นวิตกจนทำให้หุ้นตกจะเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับคืนมาอย่างไร
นายอนุทิน กล่าวว่า อันนี้ถึงบอกว่ามันเหมือนกลัวผี มันไม่มีจริง เกิดมาก็ไม่เคยเจอผี แต่กลัวไปก่อน พอกลัวไปก็ทำให้เสียโอกาสรัฐบาลชุดนี้กี่คนล่ะก็ถือว่ามีเสถียรภาพนะครับ มีเสียงสนับสนุนถึง 314 เสียง ตรงนี้คำว่าเสถียรภาพเกิดแน่นอน เทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้วมีเสียง 253 เสียง มันอยู่ที่ว่าผู้นำรัฐบาลทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ ได้รับการสนับสนุนซึ่งกันและกันมันก็เกิดเสถียรภาพ
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งให้ทบทวนแนวทางการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทที่สามารถนำมาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์ได้ ว่า มีข้อสรุปจากคณะอนุกรรมการ โดยส่วนตัวและนายเผ่าภูมิ โรจน์สกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ทักท้วงประเด็นนี้ไปเพราะอยากให้เป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยเป็นหลัก
แต่ยังมีข้อจำกัดในการปฏิบัติ เพราะบางร้านค้าขายของหลายประเภท จึงเป็นความกังวลของการปฏิบัติจริง กระทรวงพาณิชย์จึงได้เสนอไปยังคณะอนุกรรมการฯ สุดท้ายจึงมีมติให้ยืนตามเดิม ซึ่งนายกรัฐมนตรีค่อนข้างห่วงเรื่องนี้ เพราะกลไกของการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต้องการให้เกิดการบริโภคการจ้างงาน การผลิตภายในประเทศเป็นหลัก ดังนั้นต้องไปทบทวนดูในรูปแบบของคณะกรรมการให้ทบทวน คาดว่าจะได้ข้อสรุป 1-2 สัปดาห์ และจะนัดประชุมอีกครั้งในปลายสัปดาห์หน้า
ส่วนหากแหล่งเงินจาก ธกส. ใช้ไม่ได้ จะมีแหล่งเงินอื่นหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่ายังไม่ได้คิดประเด็นนี้ ต้องดูความเหมาะสม และดูองค์ประกอบอีกหลายอย่าง พร้อมยอมรับว่า หากใช้บัญชี ธกส. ต้องจ่ายผ่านบัญชีของเกษตร เรื่องนี้จึงยังมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews