ส่งออกฉิว-เฟอร์รารี่ศก.ไทย
จับสัญญาณเศรษฐกิจไทย ผ่านตัวเลขการส่งออก หลังกระทรวงพาณิชย์ เผย การส่งออกไทยเดือนพฤษภาคม 2567 ขยายตัว 7.2% มูลค่า 960,220 ล้านบาท และถือว่าการส่งออกไทยทำมูลค่าสูงสุดในรอบ 14 เดือน ส่งผลให้ดุลการค้ากลับมาเกินดุลในรอบ 5 เดือน
โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากการส่งออกสินค้าเกษตร เนื่องจากเป็นเดือนที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ขณะเดียวกันภาคการผลิตของโลกฟื้นตัวได้ดี สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโลก ที่มีทิศทางขยายตัวเร่งขึ้น ตามเศรษฐกิจโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ 5 เดือนแรกของปีนี้ คือระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 การส่งออกมีมูลค่า 4,298,248 ล้านบาท ขยายตัว 2.6%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกไทยในเดือนพฤษภาคม 2567 ขยายตัว 7.2% ถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 2% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการส่งออกผลไม้นำโดยทุเรียนสดที่กลับมาขยายตัวในรอบ 4 เดือน จากผลผลิตออกมาช้ากว่าปกติเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะร้อนและแล้งจัด และส่งผลให้การส่งออกไปจีนขยายตัว 31.2% ในเดือนพ.ค.67
แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ยังสร้างความไม่แน่นอนต่อการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า โดยอาจเห็นการเร่งส่งออกสินค้าจีนไปยังตลาดสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งอาจไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในกลุ่มสินค้าที่จะถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้าในเดือนส.ค.67 เท่านั้น แต่อาจครอบคลุมไปถึงสินค้าอื่นๆ เนื่องจากตลาดมีความกังวลว่า หากทรัมป์ได้รับตำแหน่งขึ้นเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนต่อไป อาจมีการยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้าต่อสินค้าจีนเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า
ในขณะที่การเร่งส่งออกของจีนส่งผลต่อการส่งออกไทยไม่มากนัก ถึงแม้ไทยจะอยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าของจีน โดยสัดส่วนการส่งออกสินค้าขั้นกลางของไทยไปยังจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยมาจากโครงสร้างการส่งออกสินค้าในกลุ่มดังกล่าวที่เปลี่ยนไป สะท้อนผ่านการส่งออกสินค้ากลุ่มขั้นกลางที่สำคัญไปยังจีน อาทิ ยาง พลาสติก และเคมีภัณฑ์ ที่เติบโตลดลง หลังจีนมีนโยบายพึ่งพาการผลิตสินค้ากลุ่มปิโตรเคมีภายในประเทศมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการภาพรวมส่งออกไทยในปี 2567 ขยายตัวที่ 1.5%
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.คุยกับนักวิชาการถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 โดยมองว่า แม้การส่งออกเดือนพฤษภาคมจะขยายตัวมากกว่าคาด แต่พระเอกสำคัญในการขับเคลื่อนไทยยังคงเป็นการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเร่งขับเคลื่อนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเชื่อมั่นว่างบประมาณปี 2568 จะผ่านฉลุย
ด้านฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า การประกาศงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ไม่น่าจะถูกเลื่อนออกไป แม้จะมีความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยอยู่บ้างในช่วงเดือน กรกฏาคม-สิงหาคม 2567 แต่ยังเชื่อว่าการสะสางคดีต่างๆ ทั้งกรณี “ฟ้องร้องยุบพรรคก้าวไกล” รวมถึง “ยื่น ถอดถอนตำแหน่งนายกฯ เศรษฐา” จะดำเนินได้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ และไม่กระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยของรัฐบาลในแง่มุมต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว การเบิกจ่ายงบประมาณ เพราะทุกมิติของการขับเคลื่อนล้วนเชื่อมโยงกับความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ซึ่งในมุมมองของนายกฯเศรษฐา มองประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงมาก เหมือนรถที่ยังไม่วิ่งเต็มสูบ เหมือน Ferrari 12 สูบ แต่วิ่งอยู่แค่ 6 – 7 สูบเท่านั้น แล้ว 6 – 7 สูบเราก็เดินหน้ากันเต็มที่ แต่เราก็ต้องค่อย ๆ ทำกันไป ซึ่งรัฐบาลประเมินเศรษฐกิจปี 2568 ขยายตัว 2.8-3.8% อัตราเงินเฟ้อ 1.1-2.1% และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด/จีดีพี 1.6% ซึ่งนายกฯ มั่นใจว่าโครงการ DIGITAL WALLET จะสร้างพายุหมุนทาง เศรษฐกิจให้กับประเทศไทยอีกด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews