Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

จาก “มวยไทย” สู่ “อีสปอร์ต” บูม Soft Power กระหึ่ม

 

 

 

เดินหน้าอย่างเต็มที่สำหรับ “ซอฟต์พาวเวอร์” นโยบายเรือธงของรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี “นายเศรษฐา ทวีสิน” เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และมี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งรองประธาน

 

 

สำหรับโรดแมปของรัฐบาล ได้ตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรม Soft Power ทั้ง 11 สาขา ให้ “เด่น” และ “ดัง” โดย “มวยไทย” ถือเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่รัฐบาลพุ่งเป้าผลักดันให้ดังกระหึ่ม

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา ได้รับทราบเป้าหมาย โครงการขับเคลื่อนมวยไทยซอฟต์พาวเวอร์ โดยมีการตั้งเป้าไว้อย่างน่าสนใจ อาทิ การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในปี 2568 เป็น 4,000 ล้านบาท จากเดิมปีนี้ 2,334 ล้านบาท รวมถึงการเพิ่มนักมวยไทยอาชีพที่เป็นต่างชาติ 4,520 คนในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 5,600 คนในปี 2568 รวมถึงการเพิ่มจำนวนนักมวยไทยอาชีพที่เป็นชาวไทย 6,032 คนในปี 2567 ก็เพิ่มขึ้นเป็น 9,300 คนในปีหน้า นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพิ่มผู้ฝึกสอนมวยไทยอาชีพ ค่ายมวยมาตรฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้นอีกด้วย

 

ล่าสุด สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถาม ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย “ดร.ก้องศักด ยอดมณี” ถึงแผนการขับเคลื่อน Soft Power ในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 โดย “ผู้ว่า ก้องศักด์” กล่าวว่า ปีนี้ นอกจากกีฬามวยไทยที่ กกท. ผลักดันให้เป็น Soft Power สู่เวทีโลกแล้ว ก็จะมีกีฬาอื่นๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ อีสปอร์ต เพื่อการพัฒนาอย่างมีระบบ

 

“ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งในเรื่องของซอฟพาวเวอร์ด้านกีฬาด้วย โดยในปีนี้เราก็ยังเน้นต่อเนื่องในเรื่องของมวยไทย นอกจากมวยไทยแล้ว ก็จะมีอีสปอร์ตแล้วก็กีฬาอื่นๆ ด้วย ที่เราสามารถจะสร้างนักกีฬา เพื่อให้เพิ่มมูลค่าหรือเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้”

 

นอกจากนี้ “ผู้ว่า ก้องศักด” ยังได้กล่าวถึงแผนโปรโมทมวยไทยให้เด่นและดังไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขากล่าวว่า กกท.ได้ร่วมกับภาคเอกชนในการโปรโมทมวยไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก ผ่านจุดขายในเรื่องต่างๆ อาทิ เวทีมวย นักกีฬา และที่สำคัญเรื่องความมีมาตรฐานของค่ายมวย การเรียน การสอน เป็นต้น

 

“ในเรื่องของมวยก็จะมีการทำแผนประจำปีในเรื่องของการผลักดันกับภาคเอกชน เราก็จะเน้นในเรื่องของการใช้สื่อ ในเรื่องของการโปรโมต เช่นยกตัวอย่างเวทีที่สำคัญๆ ที่เราตั้งใจที่จะให้เป็นจุดขายต่างๆ เช่น เวทีราชดำเนิน เวทีลุมพินี แล้วก็เวทีมวยมาตรฐานต่างๆ โดยใช้การวางแผนการเผยแพร่มาตรฐานมวยไทย 5 ด้าน ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ ที่เราต้องการที่จะให้คนรู้จักมวยไทย แบบที่เป็นมวยไทยจริงๆ แบบที่เป็นมวยไทยที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเรียนการสอน เรื่องของครูเทรนเนอร์ ครูมวยไทย ก็จะมีการสอบ License ต่างๆ เพื่อที่จะให้เป็นที่ยอมรับว่าครูมวยที่จะไปเผยแพร่มวยไทยทั้งในประเทศและในต่างประเทศเป็นมาตรฐานเดียวกัน แล้วก็เป็นมวยที่ถูกต้อง มีการไหว้ครู มาตรฐานของค่ายมวยอันนี้ก็ต้องยกมาตรฐานให้มีความทัดเทียมกันไม่ว่าจะเป็นค่ายมวยเล็กหรือค่ายมวยใหญ่อันนี้ก็มีเกณฑ์อยู่”

 

อย่างไรก็ตาม “ผู้ว่า ก้องศักด” ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติด้วยว่า ยังคงเดินหน้าไปตามแผน โดยคาดว่าในปีงบประมาณ 2568 ประเทศไทยก็จะสถาบันมวยไทยแห่งชาติที่จะเป็นศูนย์กลางในการที่จะเผยแพร่มวยไทยและรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

“เป้าหมายของเราก็คือว่าต้องพยายามที่จะตั้งเป็นสถาบันมวยไทยแห่งชาติให้เร็วที่สุด ก็คาดว่าเป็นในปีงบประมาณหน้า เราก็จะมีสถาบันมวยไทยเป็นผู้ที่จะเป็นศูนย์กลางในการที่จะเผยแพร่ในการที่จะสร้างรักษามาตรฐานของมวยไทยทั้งในและต่างประเทศร่วมกับองค์กรมวยที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย เช่น อิฟม่า เป็นต้น”

 

และทั้งหมดนี้ ก็เป็นความคืบหน้าของ Soft Power ด้านกีฬา หนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลเศรษฐา ที่มีการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นแรงขับเคลื่อนนั่นเอง

 


 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube