Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

4 ปีจาก “ธนาธร” ถึง “พิธา” ดับซุปตาร์ยุบแล้วยุบอีก!

จาก “ธนาธร” ถึง “พิธา” ยุบแล้วยุบอีกยุบต่อ จากวันประวัติศาสตร์ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค 16 คน เป็นเวลา 10 ปี อันเป็นผลมาจากกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าอนาคตใหม่ ให้พรรคกู้ยืมเงิน 191.2 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมในช่วงก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ทำให้พรรคคนหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ต้องปิดฉากลงด้วยอายุทางการเมืองเพียง 1 ปี 4 เดือน

 

 

 

ต่อมา 7 สิงหาคม 2567ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9 ต่อ 0 ให้ยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค 11 คน ภายในกำหนด 10 ปี เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบ นั้นเท่ากับปิดฉากพรรคที่มี14ล้านเสียง และแช่แข็ง ดาวรุ่งการเมืองอย่าง พิธา และคณะไว้1ทศวรรษ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเอฟเฟกต์ต่อเรื่องตามมาอย่างแน่นอน ทั้งคำวิพากษ์ และวิจารณ์ที่เผ็ดร้อน ไม่ยิ่งหย่อนกว่าครั้งที่ยุบอนาคตใหม่เลย

 

 

โดยครั้งที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ นั้น แถลงการณ์ขององค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือ Amnesty Internationa ระบุว่า” การยุบพรรคอนาคตใหม่คือตัวอย่างหนึ่งที่ผู้มีอำนาจในประเทศไทยกระทำต่อผู้นำและสมาชิกพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ซึ่งผู้มีอำนาจได้ใช้วิธีการต่าง ๆ ตั้งแต่การยุบพรรคการเมือง ไปจนถึงการตัดสิทธิผู้นำ” ขณะ สื่อนิวยอร์ก ไทม์ส รายงานข่าว”การยุบพรรคอนาคตใหม่คือการส่งสัญญาณไปยังชาวไทยหกล้านคนว่า เสียงของพวกเขาไม่มีความหมาย”

 

 

ทั้งนี้ในช่วงของก่อนการยุบอนาคตใหม่ ชื่อของธนาธร-พ่อของฟ้า โด่งดังสุดขีดในฐานะผู้นำจิตวิญญาณของคนรุ่นใหม่ แต่เมื่อมาต้องมรสุมหนักๆ ทำให้เขา และ2เพื่อนสนิทอย่าง ปิยบุตร แสงกนกกุล และ พรรณิการ์ วานิช ออกมาตั้งประธานคณะก้าวหน้า แสดงทัศนะการเมืองในแนวทางของตนเอง ส่วนพรรคอนาคตใหม่ก็แปลงร่างเป็นพรรคก้าวไกล ที่มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ “ชายหนุ่มโปรไฟล์สุดเริ่ด อดีตสส.บัญชีรายชื่อระดับต้นๆ ก้าวขึ้นมาคุมบังเหียนค่ายก้าวไกลสืบต่อแทน

 

 

 

ชื่อของ”พิธา “ช่วงแรกๆ ยังไม่พ้นร่มเงาของธนาธร แต่ต่อมาด้วยมันสมอง วาทะ ความคิดความอ่าน ทำให้เขาออราจับเปล่งประกายรัศมีขึ้นมาถึงจุดพีคสุดในช่วงท้ายๆของการหาเสียงเพื่อชิงชัยในสมรภูมิเลือกตั้งปี 2566  และในที่ สุดพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับหนึ่ง โดยได้ที่นั่งในสภาจำนวน 151 ที่นั่ง  เอาชนะค่ายเพื่อไทยไปได้แบบเกินคาด แต่ทว่าพิธาไปไม่ถึงดวงดาว ตกบัลลังก์ว่าที่นายกฯไปด้วยแรงตะบัดสัตย์ของค่ายเพื่อไทยที่พลิกขั้ว มีเราต้องมีลุง
และที่ผ่านมา”พิธา “ยังคงร้อนแรงบนหน้าปัดความสนใจของปถุชนอย่างต่อเนื่อง 6ปีกว่า บนถนนการเมือง  5ปีเศษๆ กับฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ค่ายอนาคตใหม่ และก้าวไกล  ,3 ปี 185 วัน ในตำแหน่ง หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ300 กว่าวัน ในบทบาท ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และเจ้าของทรัพย์สิน 85 ล้านบาท
พิธา พกความมั่นมาเต็มพิกัด ถ้ายังจำกันได้หลัง ค่ายก้าวไกลคว้าชัยในการเลือกตั้งปี 2566 ด้วยคะแนนรวมในระบบบัญชีรายชื่อมากกว่า 14 ล้านเสียง คิดเป็นจำนวน 39 ที่นั่งในสภา และชนะการเลือกตั้งใน 112 เขตทั่วประเทศ ทุกภูมิภาค พิธา หล่นวาจาคำแรกว่า “กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย วันนี้แผนที่ประเทศไทยเปลี่ยนเป็นสีส้มเกือบทั้งแผ่นดินแล้ว”
และที่ถือว่าเป็นที่เด็ด คือ  24 มิถุนายน 2564 เขาปล่อยวรรคทองในรัฐสภาว่า”อยากฝากไปยังผู้มีอำนาจทุกท่านที่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถเหนี่ยวรั้งเข็มนาฬิกาไว้ได้ ขออวยพรให้ท่านมีอายุยืนเพียงพอที่จะเห็นความพยายามของท่านล่มสลายไม่มีชิ้นดี ได้เห็นความต้องการของท่านถูกบดขยี้ด้วยกงล้อของเวลา ที่เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และได้มีโอกาสรับรู้กับตาของท่านเองว่า ผู้คนและยุคสมัยจะตราหน้าพวกท่านว่าอย่างไรไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติเรา”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube