Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

พุธระทึก สิงหาวุ่น เปลี่ยนผู้นำ?

ผ่านไปแล้วกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล ด้วยมติเอกฉัณฑ์ 9 ต่อ 0 และตัดสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรค 11 คน เป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งในมุมของนักลงทุนผ่านปฏิกิริยาของตลาดหุ้นไทย

 

 

 

 

วันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 จะเห็นชัดเจนว่า ในช่วงของการอ่านคำวินิจฉัย ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ได้มีการเคลื่อนไหวผันผวนอย่างมีนัยสำคัญมากนัก แกว่งบวกลบ 4 จุด ปิดตลาดบวกไป 16.54 จุด นักวิเคราะห์ ชี้ว่า โฟกัสของตลาดหุ้นจะอยู่ที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยสถานะของนายกฯเศรษฐา และครม. ซึ่งตรงกับวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2567

 

 

 

ในกรณีเลวร้าย นายกฯ ถูกถอดถอน ตลาดหุ้นน่าจะถูกตีความในเชิงลบ เพราะครม.ในปัจจุบัน จะพ้นสภาพไปด้วย และต้องมีการโหวตเลือกนายกฯใหม่ และอาจนำไปสู่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่เตรียมไว้ ต้องชะลอออกไปเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งอาจส่งผลให้ GDP ไทย ชะลอตัวลงในบางภาคส่วน แต่ถ้านายกฯ ไม่ถูกถอดถอน การดำเนินนโยบายต่างๆ ยังเป็นไปตามกระบวนการตามปกติ และตลาดหุ้นไทยน่าจะตอบสนองในเชิงบวกมากกว่า

 

 

 

ขณะที่ “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” นักวิชาการอิสระ กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. วิเคราะห์ผลคดีนายกฯเศรษฐา โดยระบุว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ผิด นายกฯเศรษฐาก็บริหารประเทศต่อไป แต่ถ้าวินิจฉัยว่าผิดและต้องหลุดจากตำแหน่ง ก็ยอมมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมืองไทยด้วยเช่นเดียวกัน

 

 

 

“ขึ้นอยู่กับผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าศาลบอกว่าไม่ผิด ท่านก็อยู่ในตำแหน่งต่อไปได้เหตุการณ์มันก็คงดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง ดิจิทัลวอลเล็ตที่จะทำ อะไรต่ออะไรที่ท่านพูดไว้ มันก็คงไม่ได้รับผลกระทบ ก็ไม่ได้มีผลในทางลบว่างั้นดีกว่าต่อทางเศรษฐกิจไทย แต่ว่าถ้าท่านหลุดออกจากตำแหน่งอันนี้ก็จะยุ่งพอสมควร เพราะว่ามันก็จะสร้างความไม่แน่นอนในทางการเมือง มันจะต่อเนื่องยังไง

 

 

 

ใครจะเป็นนายกฯ ก็ต้องกลับไปที่สภาอีกหรือเปล่าต้องดูแคนดิเดตนายกฯที่เหลือ ยุ่งพอสมควรแหละไม่ใช่พรรคเดียวใช่ไหม มีพรรคร่วมรัฐบาลด้วยเพราะฉะนั้นก็คงเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจไประยะหนึ่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเรื่องที่ว่าใครจะมาเป็นนายกฯ รัฐบาลจะประกอบด้วยพรรคเดิมไหม เสียงจะเป็นจะเป็นเท่าไร ยังไงก็วุ่นวาย”

 

 

นอกจากนี้ “ศ.ดร.พรายพล” ยังได้กล่าวถึงโครงการแจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลด้วยว่า เรื่องแหล่งเงินก็คงต้องกู้อยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดสรรเงินงบประมาณ 4.5 แสนล้านบาทมาใช้ในโครงการนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในการใช้งานจริงของดิจิทัลวอลเล็ตจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

 

“ยังไงซะ ในภาพรวมก็ต้องกู้อยู่แล้ว เพราะงบประมาณโดยภาพรวมมันขาดดุลอยู่แล้ว มันก็ต้องกู้เพราะมันติดลบ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าแหล่งเงินคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก เค้าก็คงสลับสับเปลี่ยนหาเงินมาจนได้ แหละ 4.5 แสนล้านบาท แต่ปัญหามันก็คือว่า พอดำเนินการไปแล้ว มันจะมีความวุ่นวายมากน้อยแค่ไหน มีปัญหาไหมมีจุดรั่วไหลไหม มีการทำในลักษณะที่ขัดกับเงื่อนไขที่เค้ากำหนดไหม เรื่องการใช้จ่ายในพื้นที่ แล้วก็ซื้อเฉพาะของที่เค้ากำหนด อันนั้นก็คือส่วนหนึ่งของเงื่อนไข แล้วก็ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการซึ่งก็ไม่ได้เงินสดทันที ก็จะต้องทำธุรกรรมอีก มันจะวุ่นวายอีกหรือเปล่า ยุ่งพอสมควร”

 

 

และเมื่อถามว่าโครงการแจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ตจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด “ศ.ดร.พรายพล” กล่าวว่า กระตุ้นได้ แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะกลายเป็นปัญหาหนี้ของรัฐบาลและประเทศต่อไป

 

 

 

“ถ้าใช้เงินได้จริงตามจำนวนนั้นหรือใกล้เคียงจำนวนนั้น มันก็แน่นอนมันก็กระตุ้นในระดับหนึ่งอยู่แล้ว อันนี้ทุกคนไม่ได้ปฏิเสธ มันก็กระตุ้น แต่กระตุ้นระยะสั้นเท่านั้นเองหลายคนที่เค้าวิจารณ์เค้าเป็นห่วงว่า พอระดับการใช้ไปสักประมาณ 6 เดือนก็จะจางลงไปผลกระทบพวกนี้ แล้วในที่สุดมันก็จะกลายเป็นปัญหาหนี้ของรัฐบาลที่เหลืออยู่ ในส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจ มันกระตุ้นแน่นอน เพราะคนใช้จ่ายจำนวนเงินในระยะเวลาที่สั้นอย่างนั้น เศรษฐกิจมันก็อาจจะดูคึกคักขึ้น ไม่มีใครปฏิเสธได้”

 

 

ขณะที่ “รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ” คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง ตัวเลขการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตทะลุ 21 ล้านคนภายใน 2 วันแรก ว่า ประชาชนตอบรับต่อนโยบายดังกล่าว และ ตอกย้ำว่า ประชาชนส่วนใหญ่ประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจ โครงสร้างเศรษฐกิจมีความเหลื่อมล้ำสูง คนส่วนใหญ่ของประเทศมีส่วนแบ่งรายได้ มีส่วนแบ่งในทรัพย์สินและความมั่งคั่งน้อยเกินไป สภาพรวยกระจุก จนกระจาย จึงทำให้หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงติดอันดับต้นๆ ของโลก แม้ขณะนี้จะลดลงมาบ้างแล้วก็ตาม

 

 

อย่างไรก็ตาม มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจและบรรเทาภาระหนี้สินระยะสั้นจากเงินโอนดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น แต่ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ต้องมีการแปลงเงินโอนจากรัฐสู่ประชาชนให้เป็นการลงทุนอย่างเป็นระบบโดยเฉพาะการลงทุนในทุนมนุษย์ และ เพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพและรายได้จึงตอบโจทย์ปัญหาทางเศรษฐกิจในระยะยาว

 

 

 

จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีคุณสมบัตินายกฯเศรษฐาวันที่ 14 สิงหาคมอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องดังกล่าวย่อมส่งผลต่อเสถียรภาพการเมือง และความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจไทยนั่นเอง

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube