จับสัญญาณเศรษฐกิจไทย หลัง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวอดีตนายกฯทักษิณได้รับการโหวตจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรนัดพิเศษ ให้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31ต่อจาก “นายเศรษฐา ทวีสิน” ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีความผิดกรณีแต่งตั้ง “นายพิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี
ดังนั้นเมื่อ “นายเศรษฐา” พ้นจากตำแหน่ง และ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า “เศรษฐกิจไทย”และ “ตลาดหุ้น” จากนี้ไปจะเป็นอย่างไร รวมทั้งโจทย์ใหญ่ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะมีความท้าทายมากน้อยเพียงใด เพราะก่อนหน้านี้ “อุ๊งอิ๊ง” เคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้ามีแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศจะมีสีสัน จะมีนายกฯที่ตั้งใจทำงานจริง และจะมองเห็นปัญหาของพี่น้องเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องหลักที่จะต้องแก้ไข
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. คุยกับ “นายไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จํากัดที่ในอีกบาทหนึ่งนั้น เขาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนและกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ในเรื่องดังกล่าว โดย “นายไพบูลย์” กล่าวว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมากสำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทย อยู่ในภาวะที่อ่อนแอ จึงต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
และเมื่อถาม “นายไพบูลย์” ว่า ถ้าประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ล่าช้า จะมีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงใด คำตอบที่ได้ น่าสนใจ
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ยังได้กล่าวถึงโครงการแจกเงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ตที่หลายฝ่ายจับตาดูว่านายกฯและครม.ใหม่จะเดินหน้าต่อหรือไม่ หลังจาก “นายเศรษฐา” พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดย “นายไพบูลย์” กล่าวว่า ไม่ได้ยึดติดกับโครงการนี้แต่เห็นด้วยที่จะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เงินมีการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย
ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ มองว่า หากสถานการณ์มีความยืดเยื้อจนกระทั่งเกิดสุญญากาศทางการเมืองไปถึงไตรมาสที่ 4 ประเมินตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเผชิญกับภาวะความเสี่ยงที่สูงขึ้นได้ หากออกมาในรูปแบบนี้มีโอกาสที่คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนต่างๆจะถูกปรับลงอีกระลอกหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงกับ Domestic demand
ซึ่งจะถูกบั่นทอนจาก ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง การชะลอการลงทุนของภาคธุรกิจและการเบิกจ่ายภาครัฐที่ล่าช้าออกไปไม่นับรวมกับสายตาของนักลงทุนต่างชาติที่เบื่อหน่ายกับภาพการเมืองไทยที่มักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ในกรณีนี้ ฝ่ายวิจัยมองว่า อาจจำเป็นต้องปรับลดสมมติฐาน EPS ของตลาดลง จนกระทบกับระดับดัชนี SET ที่เหมาะสม
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดเพราะถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ตลาดหุ้นรับรู้และถูกกดดันมาตลอดเกือบ 3 เดือนเต็มอีกทั้งการวินัจิฉัยถอดถอนนายกฯเศรษฐา ย่อมสร้างความไม่แน่นอนระยะสั้นต่อรัฐบาลและโครงการต่างๆที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งความชัดเจนน่าจะต้องรอนายกฯรวมทั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมเศรษฐกิจ ที่น่าจะเป็นตัวแปร บ่งชี้ความต่อเนื่องของการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews