เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า รัฐบาลใหม่ของ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ทุกอย่างจะหมุนตามตัว “ทักษิณ ชินวัตร” ตามสโลแกน “พ่อคิด ลูกทำ” ส่วนจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน ยังตอบไม่ได้แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดในเวลานี้ แม้โฉมหน้า ครม.ชุดใหม่จะยังไม่คลอดเป็นทางการ
แต่การเดินหน้าที่เกิดขึ้นบ่งบอกชัดเจน เป็นการโดดเดี่ยวพรรคประชาชน คู่ปรับใหม่ เหมือนที่ “ทักษิณ” เคยใช้ นั่นคือการควบรวมดึงพรรคเล็ก เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มธงไทยรักไทย เมื่อ 20 ปีก่อน จัดการกับประชาธิปัตย์ จนไทยรักไทยชนะเลือกตั้งแบบท่วมท้น 377 เสียง
แม้ภายหลังประชาธิปัตย์ จะยืนหยัดอยู่ได้ และสู้กับไทยรักไทย จนต้องยุบพรรคถึง 2 รอบ เป็นพลังประชาชน เป็นเพื่อไทย ในปัจจุบัน แม้จะเป็นผู้ชนะเลือกตั้งมาตลอดแต่ไม่เคยทำได้เหมือนเมื่อครั้งเป็นไทยรักไทยอีก มิหนำซ้ำ ในเลือกตั้ง 66 เพื่อไทย กลับแก้ให้กับก้าวไกลด้วยเสียตำแหน่งพรรคอันดับ 1 ที่ครองมายาวนาน แม้จะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ก็เสียต้นทุน คะแนนนิยมไปมากมาย จากการตระบัดสัตย์ เสียคำพูดไปจับมือกับ 2 พรรคลุง กระทั่งจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวนายกฯจาก “เศรษฐา ทวีสิน” เพราะศาลรัฐธรรมนูญ เป็น “แพทองธาร” ก็ยังมีต้นทุนที่ต้องจ่าย
จน “ทักษิณ”ต้องเดินเกมแรง ทำลายพลังประชารัฐ แตกเป็นเสี่ยงๆ แถมดึงประชาธิปัตย์ เข้าสู่เกม ก็จะถูกทำลายไปด้วย หากเข้าร่วมรัฐบาล เพราะแฟนคลับ เอฟซีของ 2 พรรค จะเกิดคำถามทันที จุดยืนเดิมที่เคยต่อสู้กันมายาวนาน มันหายไปไหนหมดแล้ว หรือ “ทักษิณ” ต้องการแค่โดดเดี่ยว พรรคประชาชนเท่านั้น
ท้าวความกลับไปในงานดินเนอร์ทอล์ควันก่อน “ทักษิณ”พูดชัด เพื่อไทยแพ้เลือกตั้งเพราะหัวหน้าพรรคลาคลอด หากหน้าพรรคไม่ลาหาเสียงต่อไปจนจบเชื่อว่าไม่แพ้ และมั่นใจว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะกลับมาเป็นพรรคอันดับ 1 อีกครั้ง คำพูดนั้นเหมือนเป็นการประกาศสงครามสำหรับศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่าคู่ต่อสู้ของเพื่อไทย คือ”พรรคประชาชน” เท่านั้น และมองเห็นจุดอ่อนของพรรคประชาชนแล้ว โดยหลักของพรรคประชาชน คือต้องการความเท่าเทียมในบริบทของการเมือง
ส่วนเพื่อไทยนั้นอยู่บริบทการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมให้ประชาชน ดังนั้นเพื่อไทยเน้นโอกาสแต่พรรคประชาชนเน้นสถานะ ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ทุกคนต้องเท่าเทียม ซึ่งไม่เหมือนกันแต่โอกาสทางเศรษฐกิจ โอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัวคือเรื่องสำคัญ และตอนชนะ 377 เสียง ก็ชนะด้วยคำว่า “โอกาส”
ดังนั้น จึงน่าสนใจมาก เมื่อ”ทักษิณ” มองพรรคประชาชนเป็นคู่แข่ง และมีความแตกต่างในเรื่องแนวคิดและโอกาส เป็นตัวตัดสินแพ้ชนะ ในสนามเลือกตั้ง จึงน่าสนใจว่า ลูกสาวที่เป็นนายกฯ จะคว้าโอกาสทอง ที่พ่อมอบให้จากการโดดเดี่ยวพรรคประชาชน ทำลายประชาธิปัตย์ และทำให้พลังประชรัฐแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว เพื่อไทยจะกลับมาครองอันดับ 1 อีกครั้งได้หรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ และสนามเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก เขต 1 อาจเป็นตัวชี้วัดแรก ที่จะทำให้ทั้ง 2 พรรค ที่เคยมีจุดยืนเดียวกันเมื่อ 5 ปีก่อน ต้องทบลทวนตัวเองกันใหม่อีกครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews