พล.อ.ประวิตร เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ หลังถูกเพื่อไทยเขี่ยทิ้ง ไม่ให้ร่วมรัฐบาล โดยไปดึงประชาธิปัตย์มาเสียแทน ยกขันหมากสู้ขอกันแล้ววานนี้ ขณะก๊วน “ธรรมนัส” ไม่เข้าร่วม
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคหลังถูกเขี่ยพ้นพรรคร่วมรัฐบาล โดยวันนี้ วันนี้ พล.อ. ประวิตร สวมชุด สีน้ำเงิน และรองเท้าสีน้ำเงิน แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด ขณะที่ กรรมการบริหารพรรคที่เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ,นางสาวกาญจนา จังหวะ กรรมการบริหารพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคนายอภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรค, นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย ทีมโฆษกพลังประชารัฐ
โดยไม่มี ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะเลขาธิการพรรค และกลุ่มก๊วน เช่น นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กรรมการบริหาร และนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เข้าร่วมประชุมด้วย
เป็นที่น่าสังเกตุว่า การประชุมวันนี้ นายวิรัช กลับมาร่วมทำกิจกรรมกับพรรคอีกครั้งหลังหายหน้าไปนานตั้งแต่เลือกตั้ง 2566 พร้อมกล่าวว่า ที่มาวันนี้ ด้วยความรักความผูกพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร และรู้สึกใจหาย ที่มีความแตกแยกหลังฃเหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็นในช่วงการเลือกตั้ง
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่พูดหมายถึงกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ใช่หรือไม่ นายวิรัช ไม่ตอบและกล่าวว่า พอแล้ว ไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้เป็นไร และ ไม่เคยคิดที่จะทิ้งลุง ส่วนเมื่อถามว่า มีการพูดว่า ปิดสวิตซ์ 3 ป.ไปเรียบร้อยแล้ว นายวิรัช ก็กล่าวว่า ไม่เป็นไร รอเวลา มั่นใจว่าลุงป้อมจะกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี พร้อมกับชูนิ้งโป้ง และบอกว่าให้รอดู
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม ประมาณ 40 นาที พลเอกประวิตร ได้ลงจากห้องประชุม ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่า บรรยากาศการประชุมในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง และสบายดีหรือไม่ ภายหลังพรรคเพื่อไทยได้มีการเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์
เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล โดยพลเอกประวิตร มีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า “สบายมาก” ก่อนจะเดินขึ้นรถและเดินทางออกจากพรรคไป
จากนั้น นายไพบูลย์ ได้แถลงกับสื่อมวลชนว่า เรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย แต่เกี่ยวโดยตรงกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีสัญญาประชาคมร่วมกัน จากการที่พรรคพลังประชารัฐ
ลงมติเห็นชอบ ให้นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี และมีคำมั่นว่าจะให้มีที่นั่งในคณะรัฐมนตรี ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่นางสาวแพทองธาร ต้องดำเนินการตามที่ให้คำมั่นไว้
พร้อมยกกฎหมาย “มาตรา 362” ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “บุคคลออกโฆษณาให้คำมั่นว่าจะให้รางวัลแก่ผู้ซึ่งกระทำการอันใด ท่านว่าจำต้องให้รางวัลแก่บุคคลใด ๆ ผู้ได้กระทำการอันนั้น แม้ถึงมิใช่ว่าผู้นั้นจะได้กระทำเพราะเห็นแก่รางวัล“ นางสาวแพทองธาร ก็ยืนยันว่ามีพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาลจึงอยากบอกว่า คนที่ควรห่วงควรเป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะการไปให้คำมั่น แต่ไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งอาจจะมีข้อครหาที่ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ โดยย้ำว่าไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณ แต่จะพูดถึงหลักการเพราะตามกฏหมายเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญก็เคยวินิจฉัย ในคดีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เคยถูกถอดถอนมาก่อน
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ย้ำว่า เราเป็นพรรคผู้ใหญ่ คงไม่ฟ้อง แต่อยากบอกว่าความสำคัญคือคำมั่นสัญญา กับนายกรัฐมนตรี มีคำมั่นสัญญาแล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็จะเป็นข้อครหา แต่พรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้หวังว่าจะเปลี่ยนอะไร เมื่อนายกทำไปแล้ว
ก็อยากให้ทำให้จบ ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการเรียกคณะรัฐมนตรีเข้าพบในวันที่วินิจฉัยคดีของนายเศรษฐา
มีอะไรในคืนนั้นบ้างจะเป็นไม้เด็ดในการยื่นฟ้องหรือไม่ ก็ไม่ทราบ ถึงทราบก็ไม่รู้ว่าจะบอกทำไม คิดว่าคงไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่ตอนนี้อยากจะย้ำถึงคำมั่นที่เคยให้กันไว้ก่อน โดยย้ำว่าไม่ต้องมาห่วงครับ สิ่งที่ตนเป็นห่วงตอนนี้ คือสถานะของรัฐบาลว่าเริ่มแบบนี้ จะไปได้ไกลมากเท่าไหร่
โดย คณะกรรมการบริหารพรรค มีมติจัดประชุมใหญ่ วิสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 / 2567 ในวันวันศุกร์ที่ 6 กันยายน ซึ่งนายไพบูลย์ ตอบคำถามที่ว่าการประชุมครั้งนี้จะมีมติขับ ร.อ.ธรรมนัสหรือำมี ว่า ไม่มี ยังยืนยันว่า สส. ในพรรคยังครบ 40 คน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews