“แพทองธาร ชินวัตร” ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทยมาแล้ว 21 วัน แต่ยังไม่ได้เข้าทำเนียบ ยังทำหน้าที่ไม่ได้ เพราะยังไม่แถลงนโยนบายต่อสภาแม้จะเห็นโฉมหน้าค่าตา คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ผ่านสื่อไปบ้างแล้ว ว่าเป็นใครบ้าง ในตำแหน่งอะไรแต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น คืออนาคตของ “นายกฯอิ๊งค์” มากกว่า จะอยู่ได้นานมากน้อยแค่ไหนจะเดินตามรอยคุณทักษิณ หรือ คุณอา “ยิ่งลักษณ์” ชินวัตรหรือไม่
เพราะผ่านไป 3 สัปดาห์ทำเนียบรัฐบาลยังไม่ได้เหยียบ แต่โดนร้องสอบ เตะตัดขาดตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวเดิน “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” นักร้องสายบ้านป่า สมาชิกพรรคพลังประชารัฐที่ส่งคำร้องต่อคณะกรรมการ ปปช. ตรวจสอบกรณี “นายกฯอิ๊งค์” มีอย่างน้อย 3 ตำแหน่งรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ , รองประประธานกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ และ ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งถือว่าเป็นพนักงานของรัฐ ตามกฏหมาย ปปช. มาตรา 4
แต่เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมาได้ไปกินข้าว ร้องเพลง ที่แรนโชชาญวีร์รีสอร์ทหรู ของ “อนุทิน ชาญวีรกุล” นั้น ใครออกเงินให้ และหาก “แพทองธาร” ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะมีความผิด มาตรา 128 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติไว้ว่า “ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณ เป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมายกฎหรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย …” ซึ่งบทบัญญัตินี้ ไม่ได้กำหนดจำนวนเงินไว้
ดังนั้นไม่ว่าจะรับเป็นจำนวนเท่าใด ก็ห้ามมิให้รับพร้อมกันนี้ “เรืองไกร” เจ้าเก่ายังร้องกกต.สอบ “แพทองธาร” ลาออกจากกรรมการบริษัทต่าง ๆ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 จริงหรือไม่เหตุใดจึงจดทะเบียนกรรมการ ออกในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีกรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ แค่เรืองไกรเพียงคนเดียว นายกฯอิ๊งค์ ก็โดนกระซวกไปแล้ว 2 แผล
นอกจาก “เรืองไกร” ใน 2คำร้องต่อ ปปช. และ กกต.แล้ว ยังมีผู้ไม่ปรากฏนามร้องต่อ กกต. ให้ยุบพรรคเพื่อไทย และให้ “นายกฯอิ๊งค์” พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ในข้อหาว่าพรรคเพื่อไทยปล่อยให้ “ทักษิณ” เข้าครอบงำ พรรคผ่าน “เศรษฐา” ในการแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน”เป็นรัฐมนตรี โดยอ้างคำวินัยฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลักฐาน ซึ่งทั้ง 3 คดีในเบื้องต้นอาจทำให้ “แพทองธาร” ติดคุก รวมถึงถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง และถูกตัดสิทธิทางการเมืองด้วยเท่านั้นยังไม่พอ ยังอาจจะมีคำร้องเพิ่มเติม หลัง เพื่อไทย เขี่ย พลังประชารัฐพ้นจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยการร้องให้ยุบพรรคร่วมรัฐบาลที่ไปประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ในช่วงค่ำของวันที่ 14 ส.ค. เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ในข้อหายินยอมให้บุคคลภายนอกครอบงำพรรคการเมืองด้วยหรือาจจะมีเรื่องของจริยธรรม ที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” จากพลังประชารัฐชี้ช่องมาตรา 362ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในข้อหาคำมั่นสัญาว่าจะให้ด้วย ซึ่งอาจซ้ำรอยอดีตนายกฯ “เศรษฐา”ว่า ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หากไม่ทำตามคำสัญญา ที่ให้ไว้กับพลังประชารัฐด้วยอีก 1 กระทง
นอกจากนี้ ยังอาจจะมีการขุดคุ้ยเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ขอให้ถอดถอน “นายกฯอิ๊งค์”ในข้อหาว่าขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีการสอบเมื่อครั้งเป็นนิสิตจุฬาฯและกรณีธรณีสงฆ์ สนามกอล์ฟอัลไพน์ อีกด้วยก็ได้ ดังนั้น แม้ “แพทองธาร” และพรรคเพื่อไทยพยายามเข้มข้นอย่างหนักในการตรวจสอบคุณสมบัติของ ครม.ชุดใหม่เพื่อไม่ให้ซ้ำรอย “เศรษฐา”แต่โอกาสที่ “นายกฯอิ๊งค์” จะถูกลากไปขึ้นเขียงนั้นมีมากมายกว่า”เศรษฐา”เสียอีก
และนับจากวันนี้ จนถึงวันเข้าทำเนียบก็อาจมีเพิ่มอีก หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้และคำร้องที่ยื่นไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ได้เข้าทำเนียบ ทำงานเพื่อประชาชนได้อย่างเต็มกำลังหากองค์กรอิสระ ตีตก 2-3 คำร้องก่อนหน้านี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
