Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

โควิดติดไฮโซศก.สงกรานต์โฮ

โควิดติดไฮโซศก.สงกรานต์โฮ(click ดูวิดีโอ)

สร้างแรงกระเพื่อมให้กับเศรษฐกิจไทยอยู่ไม่น้อย กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ผับทองหล่อ กระจายตัวไปหลายจังหวัดสะท้อนได้จากปฏิกริยาตลาดหุ้นไทย 7 เมย. เปิดทำการเมื่อเวลา 10.00 น. ดัชนีปรับตัวลดลงทันที่ 13 จุด หลังจากได้ซึมซับรายงานยอดติดเชื้อโควิด-19 รายวันจาก ศบค.ที่มีมากถึงเลข 3 หลัก โดย 6 เม.ย.ศบค.รายงานผู้ติดเชื้อรายอีก 250 ราย โดย 245 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศพบจากกทม. สูงสุดถึง 156 ราย หรือคิดเป็น 63.67% และล่าสุดกับนักร้องดัง “แสตมป์” อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ที่ประกาศชัดว่าติดเชื้อโควิด-19 พร้อมเปิดไทมไลน์ละเอียดยิบ รวมถึง คนดัง ไฮโซ และนักการเมืองที่ทยอยตรวจเชื้อ หลังพบความเสี่ยงเชื่อมโยงกับเคสทองหล่อ ซึ่งการระบาดของโควิด-19 จากคลัสเตอร์ใหม่นี้ กระทรวงการคลัง โดยน.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงสงกรานต์ ทำให้จากเดิมที่ สศค. คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลสง รานต์จะขยายตัวได้ดี ก็อาจต้องขอประเมินก่อนว่าจะกระทบมากน้อยแค่ไหน

ดังนั้น โควิด-19 ที่เกิดขึ้นรอบนี้ ย่อมทำให้ใครหลายๆ คนคิดหนัก ว่าจะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์นี้หรือไม่ โดยผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแหล่งประเทศไทย หรือททท. นายยุทธศักดิ์ สุภสร บอกกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ข่าวโควิด-19 ที่เกิดขึ้นขณะนี้ มีผล ต่อการตัดสินใจเดินทางของประชาชนในช่วงสงกรานต์

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ว่า ททท. มั่นใจว่า เป้าหมายการเดินทางช่วงสงกรานต์ที่ตั้งไว้ 3.2 ล้านคน/ครั้ง เงินสะพัดอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท จะเป็นไปได้ และมองว่า การเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนนั้น คือ คำตอบที่จะช่วงให้สถานการณ์ดีขึ้น

ส่วนมุมมองของ นายกสมาคมภัตตาคารไทย นางฐนิวรรณ กุลมงคล เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า เห็นด้วยหลังจากกรุงเทพฯประกาศสั่งปิดสถานบริการประเภทผับบาร์ในพื้นที่เฉพาะจุดแพร่กระจายของโควิด-19 เพราะต้องยอมรับว่าสถานที่เหล่านั้นการเว้นระยะห่าง ทำได้ยากรวมถึงการควบคุมด้านสุขอนามัยไม่สามารถทำได้ การปล่อยปละละเลยจนส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทางสถานบันเทิงต้องรับผิดชอบต่อสังคมเอง

ส่วนการลดเวลานั่งรับประทานอาหารในร้านให้น้อยลงนั้นมองว่าไม่ควรทำ เพราะจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ถึงSMEs ,เกษตรกรที่มีการขายผลผลิตทางการเกษตรให้กับภัตตาคารร้านอาหาร ทำให้ช่องทางการจำหน่ายลดลงกระทบกับเศรษฐกิจและรายได้ของเกษตรกร ซึ่งสมาคมภัตตาคารก่อนหน้านี้ได้ดูแลเข้มงวดในเรื่องของการควบคุมด้านสุขอนามัยมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับว่าร้านอาหาร,ภัตตาคารไม่ได้เป็นสถานที่ในการแพร่เชื้อโควิด-19 และสามารถควบคุมดูแลให้อยู่ในระดับที่มีความปลอดภัยได้ รวมถึงการเปิดกิจการจะสามารถช่วยในเรื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ดีขึ้น การจะสั่งปิดหรือลดเวลาเปิดนั่งในร้าน แบบเหวี่ยงแหเป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในภาพรวมมากเกินไป

จากนี้ต่อไป คงต้องจับตามาตรการภาครัฐอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเดินทางของประชาชนในช่วงสงกรานต์ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อมีมากขึ้นเท่าไร ย่อมมีผลต่อความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจไทยนั่นเอง

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube