หยาดน้ำตา และ เสียงร่ำไห้ปกคลุมทั่วจิตใจของคนเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ผู้สูญเสียแก้วตาดวงใจ ผ้าขาวแสนบริสุทธิ ต่างเดินทางไกลก่อนวัยอันควร ไปเป็นเทวดาน้อยบนสวรรค์ คำปลอบใจใด คำขอโทษใด ความช่วยเหลือใด การเยียวยาใด มิอาจทดแทนลมหายใจของเด็กน้อย จากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อุทัยธานี ได้เลย
..โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัส บนถนนวิภาวดี เมื่อบ่ายของวันที่ 1 ตุลาคม 2567 จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำสีหม่นที่มีเด็กน้อยเป็นเหยื่อชะตากรรมความสูญเสียครั้งนี้ สิ่งที่พอจะบรรเทาความเศร้าหมองได้บ้าง นั้นคือความรับผิดชอบของคนที่เกี่ยวข้อง บทลงโทษที่สาสมกับความผิดพลาด การเยียวยาทั้งจิตใจและค่าตอบแทนในทุกมิติ และที่สำคัญที่สุด คือ มาตราป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะการดูแลรักษาความปลอดภัยของเด็กเล็ก ที่ต้องมากกว่าเป็นพิเศษ เหมือนครั้งนี้ที่หลายฝ่ายมองว่า ไม่ควรนำเด็กเล็กออกไปนอกพื้นที่ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะจะควบคุมสถานการณ์ได้ยาก และอาจเกิดความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้
หลังเกิดเหตุการณ์นี้ วงจรเดิม ๆ เริ่มต้นอีกครั้ง หน่วยงานรัฐพยายามหาคนรับผิดชอบ พยายามถอดบทเรียน ที่ถอดมาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังไม่ตกผลึกเสียที ยังคงมีเหตุโศกสลด ที่เกี่ยวกับรถทัวร์รถบัสทัศนศึกษา ที่มีเด็กบาดเจ็บ และเสียชีวิตอยู่มากมาย
อย่างเช่น28 กุมภาพันธ์ 2557 รถทัวร์โคราชไปทัศนศึกษาพัทยา เบรกแตกถนนนครราชสีมา-นาดี ชนท้ายพ่วง 18 ล้อนักรียนโรงเรียนบ้านดงหลบ จ.นครราชสีมาเสียชีวิต 15 ศพ เจ็บ กว่า 40 ราย
หรือจะเป็น 13 ธันวาคม 2558 รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเวฬุวัน จ.เชียงใหม่ เสียหลักพลิกตะแคงคว่ำตกข้างทาง จุดเกิดเหตุ ถ.สายเด่นชัย – ลำปาง อ.ลอง จ.แพร่ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 30 คน
ต่อมา 9 มีนาคม 2560 รถบัสโดยสาพานักเรียนโรงเรียนพังทุยพัฒนศึกษา ไปทัศนศึกษาชนเสาไฟฟ้าแรงสูงข้างทาง ก่อนตกลงไปในเหว ฝั่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ลึกเกือบ 100 เมตร นักเรียนและครู เสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บ อีก 44 คน
ต่อมา 15 พ.ย. 2560 รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนโรงเรียน ชัยภูมิ ชนกระบะพลิกคว่ำที่ อ.ด่านขุนทด โคราช ตาย 3 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กนักเรียน 2 ราย และคนขับรถทับเสียชีวิตคาที่ บาดเจ็บระนาวกว่า 40 ราย
ต่อมา 6 ธ.ค. 2562 รถทัวร์นักเรียนทัศนศึกษา จากโรงเรียนสตรีสิริเกศ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ชนเสาไฟฟ้าพลิกคว่ำ ครู – นักเรียน เจ็บ 38 ราย คนขับยอมรับเกิดหลับในระหว่างทาง
นอกจากอุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนจากทั่วประเทศแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ถือเป็นความเศร้าสลดที่มีผู้กระทำต่อเด็ก นั้นคือเหตุกราดยิงสังหารหมู่เด็กเล็กที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ที่เป็นหนึ่งในเหตุกราดยิง และโจมตีโรงเรียน ครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นการกระทำของอดีตตำรวจ ก่อเหตุกราดยิงและไล่แทงเด็กและครู ภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
เหตุการณ์นี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 38 คน รวมผู้ก่อเหตุ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 24 คน นับเป็นการฆาตกรรมหมู่ โดยผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียวที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย แซงหน้าจำนวนผู้เสียชีวิต จากเหตุจ่าคลั่งกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2563 ที่หนองบัวลำภู ผู้ก่อเหตุลงมือใช้มีด และอาวุธปืนประทุษร้ายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนขับรถยนต์หลบหนี ระหว่างทางผู้ก่อเหตุยิงผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน สุดท้ายผู้ก่อเหตุฆ่าภรรยา ลูกเลี้ยงและฆ่าตัวตายตาม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเหตุไฟไหม้รถบัส และกราดยิงหนองบัว จะเป็นคนละเหตุการณ์ คนละบริบท แต่ทว่า ผู้รับกรรมเดียวกันคือเด็กเล็ก ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เป็นเพียงผู้เดียงสา ที่ถูกผู้ใหญ่มาพรากไปจากอกพ่อแม่ นางฟ้าเทวดาตัวน้อยผู้จากไปไม่มีโอกาสได้เติบโต ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นอีกแล้ว!
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
