ยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนทองคำ เพราะในห้วง 5 วันที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1-5 ตุลาคม 2567 ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวันอังคารที่ 1 ตุลาคมราคาทองปิดตลาดราคาปรับขึ้น 450 บาท วันพุธที่ 2 ตุลาคม ปรับขึ้นอีก 250 บาท วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม ปรับขึ้น 250 บาท วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม ปรับขึ้นอีก 150 บาท และล่าสุดวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม ปรับขึ้น 200 บาท รวม 5 วัน ปรับขึ้นแล้ว 1,300 บาทต่อบาททองคำ
ล่าสุด ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 41,600 บาท ขายออก บาทละ 41,700 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 40,856 บาท 20 สต. ขายออก บาทละ 42,200 บาท
และจากการที่ราคาทองปรับขึ้นแรงเช่นนี้ ก็ทำให้ประชาชนนำทองมาขาย
โดยนายกสมาคมค้าทองคำ “นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ราคาทองที่ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ก็มีประชาชนนำทองมาขายเพื่อทำกำไร โดยทองคำส่วนใหญ่ที่มาขายช่วงนี้นั้น จะเป็นทองคำแท่งมากกว่าทองรูปพรรณ
“ที่ 2 วันนี้ราคาขึ้นมาหน่อย คนที่ซื้อทองคำแท่ง พอมีกำไรเพราะขึ้นมา ก็มีคน ระยะสั้นมีกำไร เค้าก็มาทำกำไรบ้าง ก็มี ตอนนี้ก็มีคนมาขายเพิ่มขึ้นแต่ว่าช่วงระยะ 2-3 วันนี้ก็ขึ้นมาก็เกือบ 1,100 บาทแล้ว แต่ว่าถ้าทองรูปพรรณในตลาดยังซบเซาอยู่ ไม่ค่อยมีคนซื้อขาย”
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาทองในประเทศปรับตัวสูงขึ้นนั้น “นายจิตติ” กล่าวว่ามาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยล่าสุดอยู่เหนือระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง รวมถึงได้อานิสงค์จากราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot ที่พุ่งขึ้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล
“ราคาทองในต่างประเทศ ตอนนี้ก็ไต่ระดับขึ้นมาเล็กน้อย Gold Spot ต่างประเทศ ก็ทรงๆ แต่ขึ้นลงไม่เยอะ แต่ภายในประเทศ 4 วันที่ผ่านมา ราคาทองปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะ ราคาทองที่ปรับขึ้นมา ไม่ใช่ว่าปัจจัยต่างประเทศที่ขึ้นมาแต่ว่าเงินบาทเราอ่อนค่าลงมาใหม่อีกรอบนึง ทำให้ราคาขยับขึ้นมา”
“นายกสมาคมค้าทองคำ” กล่าวอีกว่า วันนี้ยังคงต้องจับตาท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟดว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 2 ครั้งหรือไม่ รวมถึงการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ว่าจะมีมติอย่างไร ต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะมีผลต่อค่าเงินบาทที่เชื่อมโยงกับราคาทองของไทยด้วยเช่นเดียวกัน
“คิดว่าอีกครึ่งหนึ่งก็คือ เฟดจะมีการประชุมเรื่องดอกเบี้ย คือเดือนหน้าวันที่ 7 อีกครั้งนึงก็คือวันที่ 18 เดือนธันวาคม แต่สำหรับเมืองไทยก็มีวันที่ 16 แล้วก็ 18 ธันวาคมเหมือนกัน จะมีการพิจารณาเรื่องของดอกเบี้ย จะมีการปรับใหม่แต่ดูจากต่างประเทศแล้ว น่าจะมีโอกาส เฟดจะมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง 0.25 หรือว่า 0.5 ก็ต้องคอยติดตามดู แต่ถ้าเกิดปรับลดดอกเบี้ย แนวโน้มโอกาสทำให้ราคาทองต่างประเทศก็อาจจะมีโอกาสปรับขึ้นมาได้”
และสำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทระหว่างวันที่ 7 – 11 ตุลาคม 2567 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-33.30 บาท/ดอลลาร์ฯ หลังจากเงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 31 เดือนที่ 32.14 บาท/ดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขนาดที่มากกว่า 0.25%
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย.ของไทยทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค รวมทั้ง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ เมื่อ 17-18 ก.ย. และสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดด้วยเช่นกัน
โดยวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.04 บาท/ดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.40 บาท/ดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า 27 ก.ย.2567
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews