“ไม้ล้มยังข้ามได้ แต่คนล้มอย่าข้าม” สุภาษิตโบราณนี้คงใช้ไม่ได้สำหรับ 2 ทนายคนดังคับฟ้าเมืองไทยอย่าง “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เจ้าของฉายา ทนายแบรนด์เนม ที่กำลังเผชิญนรกบนดินที่สารพัดปัญหาประเดประดัง กับอีกคนคือ ทนายธรรมราช หรือ นายธรรมราช สาระปัญญา เจ้าของฉายาทนายเชื่อมจิต ผู้มีศรัทธา ปสาทะต่อกลุ่มเชื่อมจิตแบบสุดจิตสุดใจ จึงทำให้เป็นข้อพิพาทกับหลายคนดังที่เห็นต่าง และล่าสุดเจอฤิทธิ์ฝ่ามือปะทะใบหน้าบอบซ้ำไปพอสมควร
เริ่มที่คนแรก “ทนายตั้ม” จากลูกแม่ค้าขายปลาทู สู่ ทนายร้อยล้านผู้มั่งคั่ง ด้วยทรัพย์ศฤงคารมหาศาล แต่ตอนนี้กลายเป็น “สายล่อฟ้า”ผ่าตัวเอง! งานเข้าทุกทิศทุกทาง อันตรายสุดคือคดีความ เงิน 71 ล้านที่กำลังลุ้นระทึกหมายเรียก หมายจับ เพราะวันก่อนตำรวจสอบปากคำเจ๊อ้อย เจ้าของเงินนานกว่า 12 ชั่วโมง เรียกว่าเก็บทุกเม็ดปิดช่องโหว่ และเรื่องนี้ตามคอนเม้นท์ต่างๆในโลกโชเชี่ยล คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า “ทนายตั้ม” ได้เงิน 71 ล้านบาท มาด้วยความเสน่หา
ในประเด็นนี้ทางเจ้าตัว “ทนายตั้ม” ยังไม่พูดอะไรมาก มีเพียงทนายเดชา กิตติวิทยา ออกมาระบุว่า ในส่วนเรื่องของคดีเจ๊อ้อยนั้น ทนายตั้ม ยืนยันผ่านทนายเดชา ว่าไม่ได้ทำผิด ทนายตั้มบอกว่าเขาก็มีหลักฐานเด็ดที่จะพิสูจน์ได้ว่าเงิน 71 ล้านนั้น ได้มาจากการให้โดยเสน่หา ไม่ใช่มาจากการหลอกให้ลงทุนทำธุรกิจ แล้วก็เตรียมแต่งตั้งทนายสู้คดี ในส่วนข้อหาคดีฉ้อโกงนั้นก็ไม่เป็นความจริง ส่วนถ้ามีหมายเรียกจากตำรวจมาก็พร้อมที่จะไปพบพนักงานสืบสวนเพื่อชี้แจง
ขณะที่คู่แค้นทางคับแคบที่เพิ่งคืนดีกับ “ทนายตั้ม” อย่าง ลุงอัจ-นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่คล้ายจะกลับลำออกมาเปิดเผยข้อมูลของ “ทนายตั้ม” ผ่านรายการเข้มข่าวเย็น ช่อง PPTV ว่า ส่วนตัวเชื่อจะมีการออกหมายจับเร็ว ๆ นี้ และผมรู้จักเขามาตั้งแต่ปลายปี 2560 ช่วงที่รู้จักกันแรก ๆ ทนายตั้มมีแค่ BMW Series 5 ส่วนภรรยาขับรถเบนซ์ มีบ้าน 3 หลัง หลังละไม่เกิน 4-5 ล้าน รวมทรัพย์สินอาจจะถึง 50 ล้านบาท “แต่หลังมีเรื่องถูกหมายจับหายหน้าไป 2 ปี เมื่อกลับมาใหม่ กลับมีเงินเกิน 200 ล้าน ผิดปกติวิสัยของทนายทั่วไป และแต่ละปีทนายตั้มทำกี่คดีสามารถนับได้ ดังนั้นในเวลา 6 ปี ได้อย่างมากไม่เกิน 120 ล้านบาท แต่นี่มีเกิน 200 ล้านบาท บริษัทเขาปีที่แล้วยังขาดทุนอยู่เลย เอาเงินที่ไหนมาเป็นร้อยล้าน”
ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล งานนี้เล่นไม่เลิก บอกว่าจะไปร้องเรียนด้วยตัวเองที่สภาทนายความ เรื่องการผิดจริยธรรมของทนายตั้มในหลายกรณี นอกจากนี้จะร้องเรียนให้ตรวจสอบการเสียภาษีของทนายตั้ม ของครอบครัวทนายตั้ม ของพี่ภรรยาทนายตั้ม และตรวจสอบการใช้เงินซื้อบ้าน 46 ล้านบาทนั้น เอาเงินจากไหนซื้อ ถ้าเอาเงินตัวเอง เงินก้อนนั้นเสียภาษีหรือไม่ รวมถึงเงิน 71 ล้านบาท ที่บอกว่าคุณอ้อยให้โดยเสน่หา สรรพากรดูหน่อยว่าโดยเสน่หาหรือไม่
สำหรับ ทนายตัวตึงอีกรายคือทนายธรรมราช ที่เพิ่งถูกมือมืด บุกตบกลางงานแถลงข่าวที่ไปแจ้งความร้องทุกข์ อ.เบียร์ “คนตื่นธรรม” ปมเหยียดหยามพุทธศาสนา โดยมือตบเผยแค้นทนายโพสต์พาดพิงศาสนาอิสลาม ด้าน “ทนายธรรมราช” บอกไม่เชื่อปมศาสนา คาดมีคนบงการเบื้องหลัง พร้อมโวว่าถูกตบเรื่องเล็ก เคยถูกลอบยิงมาแล้ว ซัด หน้าตัวเมียอาศัยตอนเผลอ ลั่นจะซื้อปืนเพิ่ม ซึ่งเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ไปในโชเชี่ยลอย่างรวดเร็ว และส่วนใหญ่คอมเม้นท์เป็นเอกฉันท์
ขณะที่ “หนุ่ม กรรชัย” 1ในอริเก่าระบุในรายการโหนกระแสว่า “เอาอย่างนี้ไหม ธรรมราช ไม่ต้องไปยุ่งกับคนอื่นหรอก ถ้าคุณไม่สบายใจหรือไม่ชอบในตัวผม เรามาเดี่ยวๆ กันเลยดีกว่า แบบลูกผู้ชายได้ทุกรูปแบบ คือไม่ต้องไปฟ้องคนอื่น ถ้าจะฟ้องมาฟ้องผม ผมพร้อมสู้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ทุกลมหายใจ ผมไม่เคยกลัวคุณเลย ผมว่าดีกว่า ไม่งั้นไปเดือดร้อนคนอื่น ไม่งั้นใครมาออกโหนกระแส คุณก็จะไปด่าเขาแล้ว มันไม่ดี คุณไม่พอใจก็มาทำกับผม อย่าไปเล่นคนรอบข้าง มันไม่สง่างาม”
อย่างไรก็ต้องติดตาม ทนายตั้ม และ ทนายธรรมราช ที่มีโจทย์รอบทิศรอบทาง ว่าสุดท้ายแล้วจะเหมือนกับที่ทนายตั้ม โพสต์เมื่อวันก่อนว่า “ใครๆก็ไม่รักผม ขนาดพัดลมยังส่ายหน้าเลย” หรือไม่?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews