เปิดสถิติราคาทองไทยตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึง 2 พฤศจิกายน พบราคาทะลุ 1 หมื่นบาทต่อบาททองคำ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีการทำนายว่า เราจะได้เห็นทองคำบาทละ 5 หมื่นบาท
ล่าสุด ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 44,000 บาท ขายออกบาทละ 44,100 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 43,206 บาท ขายออกบาทละ 44,600บาท ขณะที่ราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot แตะที่ระดับ 2,736 เหรียญ/ออนซ์
โดย “นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า เป็นเรื่องที่น่าติ่นเต้นมากสำหรับราคาทองในประเทศปีนี้ที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด รวมทั้งสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง
“ปัจจัยบวกปีนี้ 1.ก็คือเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ)มีการปรับลดดอกเบี้ย รวมทั้งอเมริกา รวมทั้งยุโรป รวมทั้งจีนด้วยนะที่ปรับลดดอกเบี้ยก็ทำให้ทองขึ้นค่อนข้างมาก 2.เรื่องของสงคราม นอกจากยูเครน รัฐเซียแล้ว ตะวันออกกลาง ปีนี้ทางทะเลจีนใต้ ทางเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ช่วงนี้ก็ยังยุ่งๆ กันอยู่ ก็เป็นประเด็นทำให้ทองขึ้นมา 3. ก็คือเรื่องจากธนาคารกลางหลายๆประเทศ ก็ซื้อทองคำเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น”
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ราคาทองจะแพง หรือ จะแรงแค่ไหน คนไทยก็ยังซื้อทองเพื่อการลงทุน โดยข้อมูลจากสภาทองคำโลกได้รายงานแนวโน้มความต้องการทองคำประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 พบว่า ความต้องการทองคำของผู้บริโภคในไทยยังคงมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สอง โดยพุ่งสูงขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นปริมาณ 14.5 ตัน
ซึ่งเรื่องนี้ “นายกสมาคมค้าทองคำ” กล่าวว่า คนไทยหันมาซื้อทองคำมากขึ้น โดยระบบการซื้อขายในปัจจุบันมีความสะดวด รวดเร็ว อีกทั้งราคาซื้อ และ ราคาขายออก ก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์หน้าเชื่อว่ายังมีความผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงจังหวะก่อนและหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. และต้องจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทั้งนี้เชื่อว่าในปี 2568 ราคาทอง Gold Spot จะทะลุ 2,800 เหรียญ/ออนซ์ได้
“ก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งผันผวน ราคาทองเหวี่ยงกันประมาณเกือบ 200 เหรียญ เพราะฉะนั้นอยากจะฝากนักลงทุนช่วงการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย. ก็คือวันอังคารของเรา แต่ว่าช่วงนี้ต้องระมัดระวังราคาทองอาจเหวี่ยงตัว รวมทั้งอิสราแอลกับอิหร่านด้วย สงครามน่าจับตามอง ราคาทองอาจจะผันผวน นักเก็งกำไรอาจจะต้องระมัดระวัง”
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในสัปดาห์หน้า ทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ, สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดย MTS GOLD แม่ทองสุก มองว่า การเลือกตั้งของสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งคาดการณ์ว่าหาก”โดนัลด์ ทรัมป์”ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป ก็น่าจะทําให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงแรก แต่ในระยะท้ายอาจเป็นจุดชนวนให้เกิดการขาดดุลงบประมาณ และสงครามการค้าที่ค่อนข้างรุนแรง ทางด้านสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และสงครามในตะวันออกกลางยังคงดําเนินต่อไป เงื่อนไขการเจรจาเพื่อยุติสงครามน่าจะเป็นไปได้ยาก
ขณะที่ Goldman Sachs (โกลด์แมน แซคส์) คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งแตะ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อทรอยออนซ์ภายในสิ้นปี 2568 โดยชี้ว่าปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้นในปัจจุบันคือ ความต้องการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาปัจจัยแวดล้อมที่เชื่อมโยงกับราคาทองอย่างใกล้ชิด เพราะทุกการเคลื่อนไหว ย่อมส่งผลต่อความมั่งคั่งของนักลงทุนนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews