ขึ้นเร็ว ลงแรง ผันผวนสุดขีดกับราคาทองคำหลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะการเลือกตั้งนั่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 โดยวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ราคาทองในประเทศซึ่งยึดโยงกับสมาคมค้าทองคำ ปรับขึ้นลงรวม 33 ครั้ง ล่าสุด ราคาทอง ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน ทองคำแท่งรับซื้อ 43,400 บาท ขายออก 43,500 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 42,614 บาท 76 สต. ขายออก 44,000 บาท ขณะที่ราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot อยู่ที่ 2,685 เหรียญต่อออนซ์
ทั้งนี้ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ได้คุยกับนายกสมาคมค้าทองคำ “นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” ถึงแนวโน้มราคาทองคำในห้วงจังหวะที่ทั่วโลก ต่างจับตาการเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” โดย “นายจิตติ” กล่าวว่า ช่วงนี้ราคาทองผันผวนมากซึ่งหากอิงสถิติการเคลื่อนไหวของราคาทองในช่วงที่ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ได้เป็นประธานาธิบดีครั้งก่อน ราคาทองโลกแกว่งตัวประมาณ 200 เหรียญ ส่วนรอบนี้ผันผวน 100 เหรียญ
นอกจากนี้ จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ก็ทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นจึงคาดว่าราคาทองนับจากนี้น่าจะมีความผันผวนต่อไปอีก 7-10 วัน
“ช่วงนี้ ก็ผันผวนอยู่ ก็ดูสถิติเก่ามันก็แกว่งตัวประมาณเกือบ 200 เหรียญแต่เที่ยวนี้ก็เกว่งตัวประมาณ 100 เหรียญ ตอนนี้ยังไม่นิ่ง เพราะว่าเฟดปรับลดลงดอกเบี้ย 0.25 ราคาทองก็ปรับขึ้นมาหน่อย แต่ว่าดอลลาร์บาท ก็ผันผวนพอสมควรคงจะต้องผันผวนสักประมาณหนึ่งอาทิตย์ถึง 10 วันผมว่าช่วงนี้ต้องดูนิดนึงนะครับ“
ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด “นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์” กล่าวว่า หลังจากที่ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯออกมาแล้ว ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้กลับมาบริหารประเทศรอบที่สองจะเห็นได้ว่ามีแรงเทขายในตลาดทองคำออกมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น YLG มองว่าภาพใหญ่จากนี้ไปราคาทองคำเป็นขาขึ้น โดยมองว่า 6 เดือนหลังจากนี้น่าจะมีโอกาสได้เห็นราคาทองคำโลกแตะบริเวณ 3,000 เหรียญต่อออนซ์
หรือถ้าเป็นเงินบาท ก็จะอยู่ที่ประมาณ 48,000 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ผู้ที่ยังไม่มีทองคำ แนะนำว่าช่วงปรับฐานของราคาทองคำ เป็นจังหวะในการทยอยสะสม โดยจุดที่เข้าสะสมได้ก็อยู่ที่ประมาณ 2,600 เหรียญต่อออนซ์และ 2,550 เหรียญต่อออนซ์ ถือว่าเป็นจุดที่สามารถซื้อสะสมได้ในปีนี้
ด้าน MTS GOLD แม่ทองสุก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ท่ามกลางตลาดการเงินยังคงกังวลนโยบายหลักของทรัมป์อย่างมากซึ่งเห็นได้จากผลกระทบเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าภาพรวมของราคาทองคําน่าจะอยู่ในช่วงของการปรับฐานทํากําไรจนถึงสิ้นปี
โดยราคาทองคําน่าจะอยู่ในช่วงของการปรับฐานระหว่าง 2,600-2,800 เหรียญ ซึ่งไม่คาดว่าจะทําจุดสูงสุดใหม่ได้ ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์ คาดว่าน่าจะทํากําไรตามกรอบแบบ Sideways แนวกว้างประมาณ 200 เหรียญ และราคาทองไทยน่าจะแกว่งตัวในกรอบระหว่าง 42,500-44,500 บาทต่อบาททองคํา ซึ่งน่าจะเป็นแนวต้านที่ได้ยาก
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตานโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” อย่างใกล้ชิดเพราะทุกนโยบายที่ขับเคลื่อน ย่อมสร้างแรงกระเพื่อมให้กับราคาทองโลกที่เชื่อมโยงกับราคาทองไทยซึ่งมีผลต่อความมั่งคั่งของนักลงทุนนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews