จบแล้วศรัทธาบอลไทย?
เปิดเส้นทางฟุตบอลไทย ไปบอลโลกผ่านมุมมอง ”มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท ไทยลีก ที่ได้นำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา “นายสรวงศ์ เทียนทอง”รับฟัง เมื่อครั้งที่รัฐมนตรีฯสรวงศ์เดินทางมาเยี่ยมที่ทำการ สมาคมฯ
โดย “มาดามแป้ง” ได้ฉายภาพให้เห็นถึงเป้าหมายสำคัญ ของ ทีมชาติไทย 2 ชุด ที่ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นไปฟุตบอลโลก ประกอบด้วย ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่มีเป้าหมาย ผ่านเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศบราซิล ในปี 2027 โดยจะเริ่มคัดเลือก วันที่ 23 มิถุนายน – 5 กรกฎาคม 2568 ขณะที่ฟุตบอลชายทีมชาติไทย U17 มีเป้าหมาย ไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ในปี 2025 โดยจะเริ่มคัดเลือก ในรอบสุดท้าย ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย วันที่ 3-20 เมษายน 2568 นอกจากนี้ยังรวมถึงแผนฟุตบอลเยาวชนในระดับรากหญ้า และการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนทุกรุ่นอายุ ซึ่งถือเป็นฐานรากที่สำคัญของการพัฒนาฟุตบอลไทยทุกระดับ
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีสรวงศ์ ยืนยันว่าพร้อมพิจารณาการสนับสนุนทุกด้านแก่ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ รวมถึงทุกสมาคมกีฬาอย่างเต็มที่ ภายใต้แนวคิดของ นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศไว้แล้วว่าจะใช้กีฬา เป็นสื่อกลางในการพัฒนาสังคม และ ประเทศ รวมถึงใช้กีฬาเป็นทูต ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ
ด้าน “ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน”อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และที่ปรึกษาประธานฝ่ายเทคนิค เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.เพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่รัฐมนตรีฯสรวงศ์ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพื่อรับฟังแนวทางในการขับเคลื่อนฟุตบอลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปฟุตบอลโลก รวมถึงการพัฒนานักกีฬาและบุคลากรในส่วนต่างๆ
พร้อมกันนี้ ”ดร.ชาญวิทย์“ ยังได้กล่าวชื่นชมแนวคิดของนายกรัฐมนตรี ”แพทองธาร ชินวัตร“ ที่จะใช้กีฬา เป็นสื่อกลางในการพัฒนาสังคม และ ประเทศ รวมถึงใช้กีฬาเป็นทูต ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน
”อันนั้นมันได้อยู่แล้วเพราะว่ามันไม่ใช่มิติแค่การแข่งขันแล้วก็พัฒนาไปสู่กีฬาระดับซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ โอลิมปิกเกม แล้วก็ระดับโลกอย่างเดียว กีฬามันเป็นมิติที่มันมีมากกว่านั้นเยอะแยะเลยอย่างที่คุย คือมิติทางสังคม มิติทางเศรษฐกิจ มิติทางความมั่นคง มิติการ สร้างสันติภาพไปได้ทุกมิติเลยนะ“
นอกจากนี้ “ดร.ชาญวิทย์” ยังได้กล่าวถึงผลงานของนักฟุตบอลชายทีมชาติไทยสายเลือดใหม่ ภายใต้การคุมทัพของ “มาซาทาดะ อิชิอิ“ ในเกมการแข่งขันอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่ง ”ช้างศึก” เปิดบ้านเจ๊า “เลบานอน” และ “สปป.ลาว” โดย “ดร.ชาญวิทย์” กล่าวว่า ต้องให้เวลา “มาซาทาดะ อิชิอิ“ในการทำทีมชาติ ส่วนผลงานของนักเตะสายเลือดใหม่จะทำให้ศรัทธาของฟุตบอลไทยเสื่อมลงหรือไม่ ประเด็นนี้มองว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจอย่างนั้น
“มันเร็วไปที่เราจะตัดสินใจอย่างนั้น เพราะเราก็ให้อิชิอิเค้าวางแผนแล้ว ในเมื่อเราให้เขาเป็น Head โค้ช ก็ต้องวางแผนของเค้าแล้วว่าเค้าจะทำยังไงต่อไปในขณะที่บางคนก็บอกว่าอ้าวมองข้ามอาเซียน บางคนก็บอกว่าไม่ได้ บางคนก็บอกให้เตรียมทีมชาติในอนาคตได้แล้ว บางคนก็โอ้ยเตรียมแล้วก็ไม่ได้เรื่องอีกแล้ว คือตอนนี้มันเป็นกระแสของฟุตบอลมากกว่า ของเรามันดูผลการแข่งขันเรื่องจริงๆเลย อันนี้อิชิอิแล้วก็สตาฟแม้กระทั่งฝ่ายเทคนิคเราก็รับได้นะ ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้คำติชม อันนี้มันเรื่องปกติเลย พอผลงานออกมาดีเราก็น้อมรับคำติชม ผลงานออกมาไม่ดีเราก็น้อมรับคำติชม เสร็จแล้วมืออาชีพอย่างทีมงานอิชิอิเค้าก็มาปรับปรุงแก้ไข ฟุตบอลไม่มีใช้เวลาสั้นๆ ส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาระยะยาวทั้งนั้น ขอบคุณทางแฟนบอลที่ให้คทั้งติทั้งชม อันนี้เป็นข้อดีที่เราจะต้องรับมาเอามาปรับปรุงแก้ไข“
สำหรับทีมชาติไทย มีโปรแกรมลุยศึก ASEAN Mitsubishi Electric Cup 2024 หรือ ศึกชิงแชมป์อาเซียน 2024 ที่จะแข่งขันระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 ทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับ มาเลเซีย, สิงคโปร์, กัมพูชา และ ติมอร์ เลสเต
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews