ภายหลัง พรรคพลังประชารัฐ ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีมติขับ 20 ส.ส.กลุ่มของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ออกจากพรรค ด้วยเหตุผลสุดคลาสสิค “มีแนวคิดและอุดมการณ์การเมืองที่แตกต่างกับคณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคอย่างสิ้นเชิง เกินกว่าที่จะแก้ไขทำความเข้าใจให้ไปในแนวทางเดียวกันได้” กลุ่มของ “ผู้กองธรรมนัส” ทีมี ส.ส.ระดับหัวกะทิ อย่าง “ไผ่ ลิกค์-อรรถกร ศิริลัทยากร-บุญยิ่ง นิติกาญจนา-สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ-ภาคภูมิ บูลย์ประมุข-รัชนี พลซื่อ” ต้องหาสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน
ซึ่งบางคนเคยมีประสบการณ์แล้ว เมื่อครั้งก่อน ตอนปี 2565 ที่ถูกขับออกจากพรรค ต้องไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทยอยู่เกือบครึ่งปี ก่อนจะกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ในช่วงก่อนเลือกตั้งใหญ่ แต่หลังจากนั้นก็มีปัญหาความคิดเห็นไม่ตรงกันอีก ในช่วงปลายของรัฐบาล”เศรษฐา” และตั้งรัฐบาล “แพทองธาร” ซึ่งกลุ่มผู้กอง”ธรรมนัส” ยังคงอยู่กับรัฐบาล และกลุ่มของ”ลุงป้อม” ถูกดีดออกไปเป็นฝ่ายค้าน จนพลังประชารัฐต้องตั้งกรรมการสอบ ถึง 3 เดือน ก่อนที่จะตัดสินใจลงมติขับออก
ดังนั้นเมื่อมีการขับออก การกลับไปที่บ้านหลังเดิม “พรรคเศรษฐกิจไทย” ที่ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อใหม่ รีแบรนด์ใหม่เป็น “พรรคกล้าธรรม” มีนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เป็นหัวหน้าพรรค กวาดต้อน ส.ส.พรรคเล็กเข้าสังกัดมาแล้ว 4 คน แถมมีเก้าอี้รัฐมนตรีอีก 2 ตำแหน่งตามโควตา ซึ่งนับรวมกลุ่มของผู้กองธรรมนัส 20 คน ที่ยกมือสนับสนุน “แพทองธาร” จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องใหม่ หรือเรื่องแปลกอะไร สำหรับการเข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม ของ 20 สส.กลุ่ม”ธรรมนัส” เพราะเป็นเรื่องของคนกันเอง ซึ่งมีความคุ้นเคยกันอยู่แล้วเท่านั้น
พรรคเศรษฐกิจไทย เป็นพรรคการเมืองที่จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563 โดยมีนายประสงค์ วรารัตนกุล และนายเมธาวี เนตรไสว เป็นหัวหน้า และเลขาธิการพรรคคนแรก ก่อนวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีความเชื่องโยงกับพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด เดือนก.ย. 2564 พันเอก สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้และผู้ร่วมก่อตั้งพลังประชารัฐ ย้ายมาสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย พร้อมกับสมาชิกจำนวนหนึ่ง
ต่อมาเดือน มี.ค. 2565 ส.ส.พลังประชารัฐ กลุ่ม “ธรรนัส” 19 คนถูกขับออก ก็ย้ายเข้ามาสังกัด “เศรษฐกิจไทย” มีการประชุมใหญ่ เลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ ได้ “พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” และ “ร.อ.ธรรมนัส” เป็นหัวหน้า และเลขาธิการพรรค ก่อนที่ ทุกคนตัดสินใจย้าย กลับพลังประชารัฐอีกครั้ง ในช่วงปลายปี เพื่อลงสนามเลือกตั้ง จากนั้นพรรคเศรษฐกิจไทย ก็มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค และย้ายที่ทำการพรรคอีก 2 ครั้ง ก่อนที่ เมย.2566 พรรคเศรษฐกิจไทย จัดประชุมใหญ่ แก้ไขข้อบังคับพรรค เปลี่ยนชื่อ เป็นพรรคกล้าธรรม และในเดือน ส.ค.2567
มีการประชุมใหญ่อีกครั้ง เลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ ได้ “นฤมล” เป็นผู้นำคนใหม่ จากนั้นก็ดูด ส.ส.พรรคเล็ก ประกอบด้วย “กฤดิทัช แสงธนโยธิน”บัญชีรายชื่อพรรคใหม่, “เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ” บัญชีรายชื่อ พรรคพลังสังคมใหม่,”บัญชา เดชเจริญศิริกุล” บัญชีรายชื่อพรรคท้องที่ไทย และ”ปรีดา บุญเพลิง” บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน เข้ามาอยู่ในสังกัด ทำให้ มีสส.ในสภา 4 คน และหากเมื่อกลุ่ม “ผู้กองธรรมนัส” เข้าสังกัดทั้งหมด ก็จะอัพเกรด อัพเลเวล ให้ “พรรคกล้าธรรม” กลายเป็นพรรคที่มี ส.ส.มากเป็นลำดับ 6 ในสถาผู้แทยราษฏร ต่อจาก เพื่อไทย ,ประชาชน,ภูมิใจไทย,รวมไทยสร้างชาติ และประชาธิปัตย์ ด้วยจำนวน 24 คนทันที ทำให้รัฐบาล”แพทองธาร” ที่เข้มแข็งอยู่แล้ว มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews