Home
|
คลิปข่าวทั่วไป

รัฐฯ “อิ้งค์” ทางสะดวกเงินลงขันบิ๊กดิล

 

 

รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เดินหน้าเต็มที่กับการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพ “ซีเกมส์” ช่วงปลายปี 2568

 

 

 

โดยล่าสุด ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย “ดร.ก้องศักด ยอดมณี” อัพเดทความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ไว้อย่างน่าสนใจ ว่า ขณะนี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับซีเกมส์ได้ประชุมแผนงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของจำนวนผู้สนับสนุน หรือ สปอนเซอร์ ก็ได้เข้ามาติดต่อเพิ่มมากขึ้น

 

 

“ตอนนี้ก็มีการประชุมแบ่งงาน แล้วก็เรื่องของการเดินหน้าผลักดันเรื่องของการเตรียมงาน เรื่องของการคุยกับสมาคมก็คือได้คุยกับในคณะกรรมการชุดใหญ่มันจะแบ่งออกเป็นคณะย่อย 4 กลุ่ม ซึ่งเราก็ไปประชุมร่วมกัน 4 กลุ่ม เพราะ 4 กลุ่มนี้ต้องเดินหน้าไปพร้อมๆกันไม่ว่าจะเรื่องของ สิทธิประโยชน์ซึ่งตอนนี้ก็มีบริษัทรายใหญ่ๆ ติดต่อเข้ามาเป็นสปอนเซอร์เยอะพอสมควรแล้ว เกณฑ์ต่างๆ ในการที่เราจะกำหนดเรื่องของการให้สิทธิประโยชน์กับสปอนเซอร์ต่างๆตอนนี้ก็เริ่มชัดเจนขึ้น”

 

 

“ผู้ว่า ก้องศักด” ย้ำว่า สำหรับงบประมาณในการจัดซีเกมส์ ไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนความพร้อมของสนามกีฬาที่ใช้ในการแข่งขัน ก็ได้มีการปรับปรุง ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จก่อนซีเกมส์ เช่นเดียวกับการจัดตั้งสำนักงานซีเกมส์ ที่ กกท.หัวหมาก เพื่อเป็นสถานที่ในการประสานงานซีเกมส์

 

 

” เรื่องของการ เตรียมจัดตั้งสำนักงานตอนนี้ก็กำลังเดินหน้าที่เราจะใช้พื้นที่ที่การกีฬาหัวหมากเป็นออฟฟิศประสานงานในเรื่องของซีเกมส์ ก็เดินหน้าตามแผนงาน รายปฏิทินงานก็ทำให้เราได้รู้ว่าเกมส์นี้เราจะเตรียมการให้เรียบร้อยยังไงทุกด้าน ไม่ว่าจะเรื่องงบประมาณซึ่งตอนนี้รัฐบาลสนับสนุน อย่างดีมากก็ไม่ได้มีประเด็นเรื่องปัญหางบประมาณแต่อย่างใด เรื่องของการเตรียมความพร้อมสถานที่ต่างๆสนามหลักในการแข่งขันต่างๆก็มีการปรับปรุง แล้วก็อยู่ในโครงการที่กำลังจะผลักดันต่อที่จะใช้งานได้ก่อนซีเกมส์แน่” ดังนั้นเมื่อภาพรวมในการเป็นเจ้าภาพ “ซีเกมส์” ของไทย ได้เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี “ผู้ว่า ก้องศักด” ยืนยันว่า จะไม่มีทางขายหน้า อย่างแน่นอน

 

 

“ถ้ายังอยู่ในแบบนี้ แล้วก็มีการสนับสนุนจากภาครัฐจากภาคการเมืองต่างๆแบบนี้ก็คงจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ก็ทำให้พี่น้องคนไทยสบายใจได้แน่ว่าเราจะได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ซึ่งจะเป็นเกมที่เรียกว่าจะทำให้เป็นต้นแบบในการจัดการแข่งขันต่อไปในอนาคตด้วย กรีนซีเกมส์เราก็พยามเน้นนะว่าอันนี้จะไม่ใช่เฉพาะซีเกมส์เท่านั้น ในอนาคตประเทศไทยทิศทางในการจัดกีฬาต่างๆก็จะต้องเป็นกรีนทั้งหมดด้วย ไม่ว่าจะเป็นอีเวนท์ระดับนานาชาติอีเวนท์ภายในประเทศ เช่นกีฬาแห่งชาติ เป็นต้น ก็จะใช้หลักการเดียวกัน” และเมื่อถามถึงจำนวนชนิดกีฬาที่ใช้ในการแข่งขันซีเกมส์ มีมากน้อยเพียงใด คำตอบที่ได้ น่าสนใจ

 

 

“คือซีเกมส์นี้เราไม่ได้จัดเป็น 10 ปีแล้ว ซึ่งก็เป็นรายการที่ผมเชื่อนะครับว่าคนไทยจะกลับมาสนุกสนานกับซีเกมส์จะไม่รู้สึกว่าซีเกมส์เป็นกีฬาที่เป็นปาหี่หรือกีฬาพื้นบ้านอะไรต่างๆ แม้ว่าจะเยอะ 50 ชนิดกีฬาก็ตามแต่ถ้าดูในเนื้อในแล้ว กีฬาที่ บรรจุอยู่ในซีเกมส์ครั้งนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นกีฬาที่เคยบรรจุอยู่ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกหรือว่าเอเชียนเกมส์แล้ว แล้วก็จะมีกีฬาสาธิตอีก 3 กีฬา ซึ่งก็จะทำให้เราดูกีฬาได้แบบเข้าใจเพราะว่าในแต่ละชนิดกีฬาส่วนใหญ่คนไทยก็จะรู้จักอยู่แล้วเป็นกีฬายอดนิยม ก็เชื่อว่าจะสนุกตื่นเต้นแล้วก็ก็สร้างความสุขให้กับคนไทย ได้แน่”

 

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ “นายกรัฐมนตรี” ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ. 2568 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2568 โดยได้แสดงความน่ายินดีที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี 2568 ซึ่งในส่วนของรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการจัดการแข่งขันในทุกมิติอย่างเต็มที่ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย สร้างความประทับใจกับนักกีฬา และผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกมิติให้กับประเทศได้ด้วย

 

 

 

สำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสงขลา โดยแข่งขัน 50 ชนิดกีฬา 569 รายการ และกีฬาสาธิต 3 ชนิดกีฬา ส่วนกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 20 ชนิดกีฬา ซึ่งกรอบงบประมาณและแหล่งงบประมาณดำเนินการจัดการแข่งขันทั้ง 2 รายการ จะมีจำนวนทั้งสิ้น 2,055 ล้านบาท

 

 

 


 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube