โควิด3ทะลุหมื่นแต่ไม่ล็อกดาวน์(click ดูวิดีโอ)
ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ในหลักพันติดต่อกันหลายวันและกระจายไปเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย กลายเป็นปัจจัยที่บีบบังคับให้รัฐบาลไม่มีทางเลือกมากนัก การจัดสมดุลระหว่างสุขภาพของประชาชนกับปากท้อง เศรษฐกิจในภาพรวมกำลังถูกทดสอบอีกครั้งว่าทางใดจะถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากกว่ากัน ซึ่งล่าสุด ศบค. ชุดใหญ่แถลงว่า ยังไม่มีเคอร์ฟิว ไม่มีล็อกดาวน์การระบาดในระลอกนี้ ถูกจับตาอย่างมากในฐานะแพร่ได้เร็ว ติดง่าย แม้อัตราการเสียชีวิตต่ำ แต่ก็สร้างความตื่นตระหนกแผ่กระจายไปในวงกว้าง โดยมีการเปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในการระบาด 3 ระลอกที่ผ่านมา คือ ระลอกแรก ม.ค.-14 ธ.ค. 2563 ผู้ติดเชื้อ 4,237 ราย รักษาหาย 98.58% เสียชีวิต 60 ราย คิดเป็น 1.42% ของผู้ติดเชื้อระลอกสอง 15 ธ.ค. 2563-31 มี.ค. 2564 ผู้ติดเชื้อ 24,626 ราย รักษาหาย 99.86% เสียชีวิต 34 ราย คิดเป็น 0.14% และระลอกสาม 1-16 เม.ย. 2564 ผู้ติดเชื้อ 10,175 รายเสียชีวิต 3 ราย คิดเป็น 0.03%ถ้าคิดแบบคาเฉลี่ย ระลอกแรก 349 วัน เฉลี่ยวันละ 12คน ขณะที่ระลอกสอง 105 วัน เฉลี่ยวันละ 234 คน และระลอกสาม ณ ขณะนี้ 16 วัน ผู้ติดเชื้อ 10,175 รายเฉลี่ยวันละ 635 คน ซึ่งนับว่าสูงกว่า ระลอกแรกและระลอกสองเป็นอย่างมาก และขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในระลอกสามยังไม่นิ่ง และยังไม่มีทีท่าจะลดน้อยลงด้วย
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ มีมาตรการปิดสถานบันเทิงในจังหวัดเสี่ยงแล้ว รวมถึงขอความร่วมมือให้ประชาชนปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล จึงคาดหวังว่าจะสามารถคุมตัวเลขให้อยู่ที่ 593-934 รายต่อวันได้ และหากสามารถ work from home ได้ทั้งหมด ก็น่าจะคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อได้ที่จำนวน 391 คนต่อวัน
ส่วนในเรื่องยาแรงนั้นทาง นพ. เฉวตสรร นามวาท จากกรมควบคุมโรค ระบุว่าจะมีการประกาศใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์” หรือ “ล็อกดาวน์เฉพาะจุด” หรือไม่นั้นจะมีการพิจารณาจากจำนวนการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ก็มีการเสนอมาตรการจากผู้เชี่ยวชาญต้องมีการแบ่งลักษณะของพื้นที่ที่มีสถานการณ์หนักเบาที่แตกต่างกัน มาตรการก็จะต้องมีความเหมาะสมในลักษณะของแต่ละพื้นที่และเมื่อถอดรหัส คำพูดของนพ. เฉวตสรร แล้วจะพบว่าสอดคล้องกับมติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่กำหนด พื้นที่ควบคุมสูงสุด สีแดง 18 จังหวัด เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้ ดร.นพดล กรรณิกา ผ.อ.ซูเปอร์โพล ระบุว่า เสียงของประชาชนสะท้อน เรื่องโควิด ต้นตอที่ต้องร่วมรับผิดชอบ คือ กลุ่มแรก เป็น ผู้ประกอบการธุรกิจสีเทาและสีดำ กลุ่มที่สอง เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ร่วมสมประโยชน์ในพื้นที่ กลุ่มที่สาม กลุ่มนักเที่ยวรักสนุก นักพนัน ที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงแหล่งอบายมุข กลุ่มที่สี่ เป็นกลุ่มประชาชนทั่วไป ที่เริ่มการ์ดตก และกลุ่มที่ห้า เป็นรัฐบาล ที่ต้องเข้มข้นกำกับมาตรการรัฐที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามต่อว่า จะสามารถดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายกับบุคคลที่เป็นต้นตอของการระบาดระลอก3 นี้ได้หรือไม่?
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
